วันนี้ (20 กรกฎาคม) อดิศร เพียงเกษ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงมติข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 41 เมื่อวานนี้ที่มีสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยไม่ให้มีการเสนอชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซ้ำ ทำให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้รอบ 2
อดิศรกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เปรียบเหมือนลูกฆ่าพ่อแม่ หรือปิตุฆาต-มาตุฆาต ที่ข้อบังคับการประชุมสภาเปรียบเป็นลูก มาฆ่ามาทำลายบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เปรียบเหมือนเป็นพ่อแม่ ทำให้หลังจากนี้กระบวนการหลักการต่างๆ เสียหายไปหมด ส่วนตัวก็รู้สึกเสียดาย เมื่อวานก็ได้สวมกอดพิธาและให้กำลังใจในฐานะนักการเมืองรุ่นน้องและศิษย์จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่าหากพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นพรรคอันดับ 2 หลังจากนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะให้สมาชิกยกมือสนับสนุนหากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ใน 8 พรรคร่วม อดิศรยืนยันหนักแน่นว่า อย่างไรพรรคเพื่อไทยก็ยังจับมือเหนียวแน่นมัดรวมกับพรรคก้าวไกล และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมดเปรียบเหมือนกอไผ่ที่รวมกันแน่น อาจมีโยกบ้างตามกระแสลม แต่อย่างไรก็ไม่แยกออกจากกัน
ขณะที่หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยอาจต้องประชุมร่วมกันภายในก่อนที่จะไปประชุมร่วมกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลถึงทิศทางหลังจากนี้ แต่เบื้องต้นก็ยังคงยึดหลักและทิศทางเดิมในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็คือ เศรษฐา ทวีสิน ไม่เปลี่ยนแปลง แต่แนวทางเรื่องเสียงสนับสนุนก็ต้องพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากนี้
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ส.ส. อีสานส่วนใหญ่ไม่พร้อมจะสนับสนุนเศรษฐา แต่สนับสนุนแพทองธาร ชินวัตรมากกว่านั้น เป็นเรื่องไม่จริง แต่ต้องยอมรับว่าอาจมี ส.ส. อีสานที่อาจคุ้นเคยใกล้ชิดกับแพทองธาร ลงพื้นที่บ่อยๆ ช่วงที่หาเสียงในจังหวัดแถบภาคอีสาน แต่ทุกคนก็ยืนยันที่จะสนับสนุนแคนดิเดตเพียงคนเดียวก็คือเศรษฐา