×

เลือกตั้ง 2566 : พลภูมิ-สกาวใจ ผู้สมัครเพื่อไทย แท็กทีม ชู 1 อำเภอ 1 แลนด์มาร์กใหม่ท่องเที่ยว วางไทยเป็น ‘Festival Hub of Asia’

โดย THE STANDARD TEAM
11.04.2023
  • LOADING...
พลภูมิ สกาวใจ

วันนี้ (11 เมษายน) พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เขตบึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)-คันนายาว พรรคเพื่อไทย เบอร์ 7 ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและผู้สูงอายุตามชุมชนต่างๆ ที่ตอนนี้เริ่มจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะการรดน้ำดำหัว ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมายาวนานของคนไทย โดยชาวบ้านต่างให้พรแล้วกระซิบข้างหู บอกไม่ลืม ยังไงก็เลือกพลภูมิ เบอร์ 7 อย่างแน่นอน

 

ด้านพลภูมิกล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า 4 วันจะมีเงินสะพัด 1.8 หมื่นล้านบาท เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยของเรากำลังทวงคืนจุดยืนของภาคท่องเที่ยวไทยในตลาดโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากปล่อยให้ภาคท่องเที่ยวไทยกินบุญเก่ามันก็จะมีวันหมดไป พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ด้วยการเพิ่มโซนธุรกิจ ‘1 อำเภอ 1 แลนด์มาร์กใหม่’ เพื่อแข่งขันกับนานาประเทศที่ได้ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในช่วง 3 ปีที่โควิดระบาด

 

นอกจากนี้จะก่อตั้ง ‘ธนาคารท่องเที่ยว’ เพื่ออำนวยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งเงินทุนนำไปพลิกฟื้นธุรกิจ ควบคู่กับการดำเนินกลยุทธ์ ‘ทะเล 5 สี’ เช่น ทะเลสีแดง พัฒนาการแข่งขันเชิงคุณภาพ ไม่ใช่ราคา, ทะเลสีเขียว ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดูแลสิ่งแวดล้อม และทะเลสีรุ้ง ส่งเสริมการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+ รวมถึงกลุ่มที่มีศักยภาพอื่นๆ อย่างดิจิทัลโนแมด และกลุ่มเดินทางตามรอยภาพยนตร์และซีรีส์ 

 

ด้าน สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตลาดพร้าว-บึงกุ่ม เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า นโยบายด้านการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงในการเลือกตั้งรอบนี้ ตั้งเป้าหมายกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นรายได้หลักของประเทศ โดยรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด จากประมาณ 7 แสนล้านบาทในปี 2565 เป็น 3 ล้านล้านบาทในปี 2570 เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปทุกพื้นที่ ตั้งแต่พี่น้องเกษตรจนถึงคนทำงานในโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร กิจการขนส่ง 

 

นอกจากนี้ยังวางให้ไทยเป็น ‘Festival Hub of Asia’ โดยการสร้างเทศกาลไทยให้ไปถึงระดับโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายน เทศกาลลอยกระทงเดือนพฤศจิกายน เทศกาลสินค้าเกษตร เทศกาลแข่งขันมวยไทย และดึงเทศกาลระดับโลกมาจัดในประเทศไทย เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินเข้าประเทศในทุกภาคส่วน ในขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับโลก 

 

เน้นการสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและเสน่ห์ความเป็นไทยให้ได้มากที่สุดพร้อมพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Regional Transport Hub ทั้งในด้านผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าทางอากาศ จัดตารางการบินให้มีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อสายการบินเพื่อให้สายการบินจากทั่วโลกมาต่อเครื่องที่ไทย ควบคู่กับการยกระดับสนามบินนานาชาติให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวน 120 ล้านคนและปริมาณการขนส่งสินค้าคาร์โกจำนวน 3 ล้านตันภายในปี 2570 

 

พร้อมกับเร่งพัฒนาการจัดการอำนวยความสะดวกในทุกๆ ด้าน ลดกระบวนการการตรวจเอกสารให้สะดวกรวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางเข้าออกที่สนามบินนานาชาติให้มากขึ้นสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คิวไม่ยาว กระเป๋าไม่หาย  ไม่โดนแท็กซี่โกง รวมถึงเจรจากับประเทศต่างๆ ลดภาระในการขอวีซ่า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและยกระดับหนังสือเดินทางไทยให้สามารถเดินทางไปทั่วโลก เป็นต้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X