จากกรณีที่อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ 99 รายชื่อ ออกแถลงการณ์ให้ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศน้อยกว่าต้นทุนที่เสียไป และจะทำให้เสียวินัยการเงินการคลังในระยะยาว วันนี้ (7 ตุลาคม) ทางฝั่งแกนนำพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
โดย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า รัฐบาลทำเต็มที่ในทุกนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน ในขณะเดียวกันเวลาที่คณะรัฐมนตรีลงพื้นที่หรือ สส. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ก็จะได้รับคำถามจากประชาชนว่า เมื่อไรจะได้ใช้เงิน 10,000 บาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายดังกล่าวเป็นเหมือนความหวังของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมาบรรเทาปัญหาค่าครองชีพที่ไม่พอใช้ในครัวเรือน
สมคิดกล่าวด้วยว่า เม็ดเงินจำนวนกว่า 5.6 แสนล้านบาทจะถูกอัดฉีดเข้าระบบในต้นปี 2567 มั่นใจว่าจะสร้างประโยชน์มหาศาล นอกจากนี้ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ ภาคอุตสาหกรรมก็ได้ประโยชน์ โรงงานผลิตสินค้าจะผลิตสินค้ามากขึ้น แรงงานก็จะมีงานทำมากขึ้นตามไปด้วย
“ส่วนนักวิชาการที่ออกมาโจมตีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเพราะคนเหล่านี้อยู่ดีมีกินแล้ว ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้เพราะคนเหล่านี้อยู่สบายแล้ว จึงไม่คิดถึงประชาชนที่กำลังลำบาก ดังนั้นรัฐบาลมีหน้าที่ทำให้ประชาชนมีความสุข นโยบายที่ออกมาจึงเป็นนโยบายที่ยึดประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเป็นที่ตั้ง นโยบายดังกล่าวจะส่งผลต่อประเทศและประชาชนอย่างแน่นอน” สมคิดกล่าว
ขณะที่ พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส. บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย มองว่า นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มนี้อยู่ส่วนบนของยอดพีระมิดในทางเศรษฐกิจก็อาจมองจากมุมเดิมๆ หรือมองจากแค่มิติเดียว ถ้าคิดแบบเดิมๆ เหมือนที่อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มนี้แนะนำ ก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม
“ผมไม่อยากให้ขวางโลกหรือย่ำอยู่กับที่ เหมือนตอนที่ท่านเป็นผู้ว่าฯ ธปท. ในยุครัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น ซึมยาวเหมือนคนป่วยหนักมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาระที่รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะต้องแก้ไข
“ผมเชื่อว่าเพื่อไทยคิดใหญ่ ทำเป็น เคยทำสำเร็จมาแล้วหลายครั้งหลายหน ในอดีตการคิดนอกกรอบ เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน 7.6 หมื่นล้านบาท ตอนนั้นก็ถูกคัดค้าน ติติง บ้างก็ล้อเลียนว่าตายทุกโรค อ้างว่าทำไม่ได้ เอาเงินมาจากไหน แล้วสุดท้ายก็สำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ ได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลกตั้งมากมาย แม้จะผ่านมาหลายรัฐบาล แต่ประชาชนก็ยังใช้กันอยู่” พร้อมพงศ์กล่าว
พร้อมพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเมื่อโลกมันเปลี่ยน เราก็ต้องรู้จักปรับ อ้างกลัวโน่น นี่ นั่น แล้วจะเดินต่อกันได้อย่างไร เชื่อว่าวันนี้ประชาชนรอดู รอพิสูจน์ผลงาน ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยทำดี คิดถูก ก็จะสนับสนุน แต่ถ้าทำผิด ทำพลาด เกิดความเสียหาย ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า