สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย มียอดสะสมของผู้ติดเชื้อรวม 50 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจากประเทศต้นทาง ที่ก่อนหน้านี้ไทยอาจจะยังไม่ได้ระบุสถานะเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงอย่าง อิตาลี อิหร่าน โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์แรงงานไทยจากเกาหลีใต้เริ่มทยอยกลับประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ไทยระบุให้เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ยิ่งทำให้สถานการณ์ความกังวลการแพร่ระบาดของประชาชนเพิ่มมากขึ้น
‘หน้ากากอนามัย’ อุปกรณ์พื้นฐานในการป้องกันการติดเชื้อโรค กลายเป็นสิ่งของที่ประชาชนมีความต้องการสูง แต่ทว่า กำลังการผลิตในประเทศสามารถผลิตได้เพียง 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งในจำนวนเหล่านั้นกระจายไปสู่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ในจำนวน 7 แสนชิ้น ที่เหลือแบ่งกระจายไปตามความต้องการในแต่ละภาคส่วน ขณะที่การกระจายมาจำหน่ายยังร้านขายยามีเพียง 2.5 หมื่นชิ้นต่อวัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนร้านขายยาเอกชนที่มีอยู่ ทำให้หลายร้านต้องติดป้ายแจ้งลูกค้าว่า ไม่มีหน้ากากอนามัยจำหน่าย บางร้านให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า ไม่มีหน้ากากอนามัยจำหน่ายมากว่า 2 เดือนแล้ว
ทางเลือกของประชาชนสำหรับความจำเป็นในการใช้หน้ากากอนามัย จึงต้องหันมาใช้หน้ากากอนามัยที่สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ แต่ทว่า บางคนยังคงขาดความรู้ในการใช้หน้ากาก เราพบว่า มีการนำหน้ากากที่ใช้ในทางการแพทย์มาใช้ซ้ำ หรือแขวนไว้ในจุดที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐต้องเร่งให้ความรู้ เพราะยิ่งในสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ การสื่อสารคือหัวใจสำคัญในการผ่านพ้นไปอย่างมีสติร่วมกัน