วานนี้ (9 กันยายน) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิดว่า สำหรับการเสียชีวิตที่ยังสูงกว่า 200 รายมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ผู้ติดเชื้อลดลงแล้วนั้น เนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อในช่วงที่มีการระบาดมาก หลายคนมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตหลังการรักษาเฉลี่ย 1-2 สัปดาห์ บางรายอาจถึง 45 วัน ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงช้ากว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ที่ยังมีรายงานเสียชีวิตเกือบทุกวัน บุคคลร่วมบ้านที่มีความเสี่ยงจึงต้องป้องกันตนเองตลอดเวลา เพื่อไม่ให้นำเชื้อไปติดที่บ้าน จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงไปรับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ซึ่งวัคซีนสูตรไขว้มีประสิทธิผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันเร็วและสูง รับมือสายพันธุ์เดลตาได้
ขณะนี้ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ครอบคลุมแล้ว 98% ปทุมธานี 70% และกระจายวัคซีนไปจังหวัดต่างๆ อย่างทั่วถึง เชื่อว่าจะฉีดได้ครอบคลุมมากขึ้นในเวลาไม่นาน
โดยวันที่ 8 กันยายน 2564 ฉีดได้ 713,454 โดส เป็นเข็มสอง 372,592 โดส เข็มแรก 338,105 โดส และเข็มสาม 2,757 โดส ยอดฉีดสะสม 38,147,738 โดส
สำหรับวัคซีน Pfizer ที่ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส ฉีดเข็มแรก 391,074 โดส เข็มสอง 163,017 โดย และเข็มสาม 394,777 โดส รวมแล้วประมาณ 9 แสนกว่าโดส ที่เหลือ 6 แสนโดส ไม่ได้หายออกจากระบบ แต่จะใช้สำหรับฉีดเป็นเข็มสองในกลุ่มเสี่ยง 608 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งต้องเว้นระยะห่างจากเข็มแรก 3-4 สัปดาห์ โดยเป็นการทยอยส่งตามกำหนดที่จะต้องฉีดประชาชน เนื่องจากวัคซีนที่ออกจากอุณหภูมิติดลบ เมื่อส่งไปพื้นที่จะมีอายุสั้นลงเหลือเพียง 30 วัน