THE STANDARD WEALTH ได้รับข้อมูลที่ระบุว่า มีบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของไทยได้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีน Pfizer มา 8 เดือนแล้ว สำหรับนำวัคซีนโควิด-19 เข้ามาฉีดในประเทศไทย
ปัจจุบันขั้นตอนเหลือเพียงทางภาครัฐอนุญาตเพื่อขึ้นทะเบียน พร้อมจัดหาหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการรับซื้อ เหมือนอย่างที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้มีการดำเนินการนำเข้าและบริหารจัดสรรวัคซีน Sinopharm ในการกระจายวัคซีนให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจจะจัดซื้อพร้อมประกันวัคซีน ซึ่งจะมีการกำหนดราคาขายราคาเดียวกันทั่วประเทศต่อไป
สาเหตุที่ต้องหาตัวกลางที่เป็นภาครัฐนั้น เป็นเพราะทางบริษัทวัคซีนระบุชัดเจนว่าจะไม่มีการขายให้กับเอกชนโดยตรง แต่จะขายให้หน่วยงานรัฐบาลแห่งชาติเท่านั้น
บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งนี้ระบุว่า พร้อมที่จะจ่ายเงินมูลค่า 6,000 ล้านบาทให้ก่อนสำหรับค่าวัคซีน 20 ล้านโดสที่พร้อมนำเข้าได้เลยภายในเดือนมิถุนายนนี้
ตามแผนนั้นระบุว่า วัคซีน 50% จะทำเหมือนกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คือกระจายให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจจะจัดซื้อสำหรับนำไปฉีดให้กับพนักงานของตัวเอง
ส่วนอีก 50% นั้นจะเปิดให้เป็นวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนสามารถวอล์กอินเข้ามาฉีดได้ โดยราคานั้นจะเป็นราคาต้นทุนบวกกับค่าบริการเท่านั้น โดยยังไม่ได้มีการคำนวณว่าราคาจะอยู่ที่เท่าไร
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกหนังสือชี้แจงกรณีข่าวการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech จำนวน 20 ล้านโดสเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัทเอกชนรายหนึ่งนั้น บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอชี้แจงว่า Pfizer อยู่ระหว่างการเจรจาและหารืออย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของเราได้อย่างทั่วถึง โดยการเจรจาดังกล่าวได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: