เมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม) กลุ่มหมอไม่ทน เปิดเผยว่า ตามแผนฉีดวัคซีน Pfizer 1.5 ล้านโดส ซึ่งจะเข้ามาวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 วางไว้ โดยเตรียมให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นบูสเตอร์โดส 1 เข็ม ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค, ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีด Pfizer ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา
ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์หลายแห่งถูกบังคับหรือถูกโน้มน้าวว่าจะไม่มีวัคซีนดังกล่าวเข้ามา รวมถึงหลายที่ออกนโยบายให้บุคลากรต้องรับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เป็น AstraZeneca ทางหมอไม่ทน จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อความรีบร้อนในการฉีด AstraZeneca ให้บุคลากรเป็นการเร่งด่วน ซึ่งอาจจะพอพูดได้ว่าเพื่อป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งได้รับ Sinovac 2 เข็มแล้วแต่ยังมีการติดเชื้ออยู่ สร้างความกดดัน เพิ่มภาระการทำงานเมื่อผู้ร่วมงานติดเชื้อ และทำให้ไม่ไว้วางใจในการทำงานของรัฐบาล จากการตัดสินใจวางแผนวัคซีนที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
หมอไม่ทนจึงขอเชิญชวนประชาชนเฝ้าจับตาการมาถึงของ Pfizer ในอีก 7 วันต่อจากนี้ เพื่อให้วัคซีนไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับตามความเสี่ยงและความจำเป็น ไม่ให้มีการบิดเบี้ยวของแผนไปให้หน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการคอร์รัปชันที่ยากจะรับได้ บุคลากรทางการแพทย์ควรได้ฉีดบูสเตอร์โดสด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถดูแลประชาชนได้เต็มที่ และกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง ควรได้รับวัคซีน Pfizer เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและอาการรุนแรงมากกว่าวัคซีนที่มีการศึกษาแล้วว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า
หมอไม่ทนยังยืนยันการเรียกร้อง mRNA Vaccine เป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนคือการลดโอกาสการมีชีวิตรอดของประชาชน
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและร่วมลงชื่อสนับสนุนการนำ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักได้ที่ change.org/vaccinewetrust