เมื่อวานนี้ (22 ตุลาคม) บริษัท Pfizer/BioNTech ได้เปิดเผยผลการทดลองทางคลินิกขั้นต้นของวัคซีนโควิดในเด็กอายุตั้งแต่ 5-11 ขวบ พบว่าประสิทธิภาพสามารถต้านทานการติดเชื้อโควิดได้สูงถึง 90.7%
โดยการทดลองดังกล่าว มีเด็กเข้าร่วมจำนวน 2,268 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีน Pfizer และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) ซึ่งกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมีจำนวนมากกว่า 1,500 คน และได้รับยาหลอก 750 คน ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีน 2 โดส ในปริมาณ 10 ไมโครกรัมต่อโดส
ขณะที่พบว่ามีเด็ก 16 คนที่ได้รับยาหลอก ติดเชื้อโควิด ซึ่ง Pfizer ได้ส่งเอกสารสรุปผลการทดลองให้แก่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA แล้ว
ทั้งนี้การทดลองทางคลินิกของวัคซีน Pfizer ในเด็กอายุ 5-11 ขวบ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวัดประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสโควิดเป็นหลัก แต่จะเปรียบเทียบปริมาณแอนติบอดีที่เกิดจากวัคซีนในเด็ก กับการตอบสนองของวัคซีนในผู้รับที่อายุมากกว่าสำหรับการทดลองในผู้ใหญ่
นอกจากนี้ Pfizer เผยว่าได้ขยายการทดลองด้านความปลอดภัยของวัคซีน โดยมีเด็กเข้าร่วมการทดลองมากกว่า 4,500 คน ซึ่งผลทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีแนวโน้มที่จะปลอดภัย ในสูตรการให้วัคซีนสำหรับเด็กแบบใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงแก่เด็กที่ได้รับวัคซีน ปริมาณ 10 ไมโครกรัม ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
ทั้งนี้คณะที่ปรึกษาของ FDA เตรียมประชุมในวันอังคารที่ 26 ตุลาคม เพื่อหารือว่าควรอนุมัติใช้วัคซีนโควิดในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันวัคซีนของ Pfizer ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ในเด็กอายุ 12 ขวบขึ้นไป ขณะที่คาดว่า FDA จะมีการเปิดเผยผลตรวจสอบเอกสารการทดลองวัคซีนของ Pfizer ก่อนการประชุม
ภาพ: Photo Illustration by Thiago Prudencio / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: