วันนี้ (20 กรกฎาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงกรณีการนำเข้าวัคซีน Pfizer ว่าวันนี้ได้มีการลงนามในสัญญาจัดหาวัคซีน mRNA จำนวน 20 ล้านโดส ระหว่างกรมควบคุมโรค กับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในสัญญาเป็นการทำงานร่วมกันมา โดยจะเป็นการจัดหาวัคซีน Pfizer จำนวน 20 ล้านโดส โดยกำหนดการตามแผนที่วางไว้ คือส่งมอบในไตรมาสที่ 4 และทางสหรัฐอเมริกาจะส่งมอบวัคซีน Pfizer ให้ประเทศไทยอีก 1.5 ล้านโดส เป็นการบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ มาไทยปลายเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับในปี 2565 จะมีการเจรจาหาวัคซีนเพิ่มต่อไป
สำหรับวัคซีน Pfizer ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯ 1.5 ล้านโดส จะมาถึงไทยปลายเดือนนี้ โดยจะเริ่มต้นฉีดได้ช่วงเดือนสิงหาคม ในการจัดสรรฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขและความเห็นชอบจาก ศบค. กำหนดดังนี้
- บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิดที่ฉีดไปแล้ว 2 เข็ม จะมีการกระตุ้นเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส
- กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด
- ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด
สำหรับขั้นตอนการจัดการทางกระทรวงสาธารณสุขได้สอบถามข้อมูล ให้แต่ละจังหวัดแจ้งยอดมาว่า ในจังหวัดท่านมีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ทำงานใกล้ชิดและเสี่ยงสูงให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสอบถามข้อมูล ดังนั้น ที่มีข่าวว่ามีหลายโรงพยาบาลส่งข้อมูลไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เราจะมีการสอบทานเข้าไปเพื่อให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรง จึงขอเรียนว่าเราจะฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าเป็นอันดับแรกก่อน ดังนั้นบางหน่วยงานที่ไม่เข้าใจและส่งยอดผิด จะไม่จัดสรรตามนั้น จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ที่จะตรวจสอบข้อมูลและแจ้งมายังส่วนกลางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา นพ.โอภาส เปิดเผยว่า หลังจากลงนามในสัญญาการสั่งซื้อวัคซีน Pfizer ล็อตแรก 20 ล้านโดสเรียบร้อยแล้ว ทางการไทยจะเจรจาขอซื้อวัคซีน Pfizer เพิ่มอีก 50 ล้านโดส
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร