เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ของบริษัทกลุ่มปิโตรเคมีภายใต้การวิเคราะห์จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี (SETPETRO) ปรับตัวลง 3.42% MoM
ราคาหุ้น IVL ปรับลดลง 3.78% MoM อยู่ที่ระดับ 44.50 บาท
ราคาหุ้น PTTGC ปรับลดลง 3.88% MoM อยู่ที่ระดับ 49.50 บาท
พรีวิวผลประกอบการ 1Q65:
SCBS ประเมินราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีโดยรวมใน 1Q65 ยกเว้น PX ซึ่งส่วนต่างราคาเทียบกับคอนเดนเสท/ULG95 เพิ่มขึ้น 18%/25% QoQ ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ลดลง 9-13% QoQ โรงแครกเกอร์ที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบได้รับผลกระทบจากต้นทุนแนฟทาที่เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 8 ปี ซึ่งคาดว่าแนวโน้มเช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องใน 2Q65 แต่ราคาผลิตภัณฑ์ค่อยๆ ปรับขึ้นในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งจะส่งผลดีต่อส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในระยะสั้น
สำหรับคาดการณ์ผลประกอบการของ IVL และ PTTGC มีดังนี้
IVL: คาดรายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 8.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมาก 41%YoY และ 57%QoQ เพราะ Core EBITDA/t สูงขึ้น เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในธุรกิจ Integrated PET ปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการปรับสัญญาซื้อขาย PET และ PTA ในตลาดตะวันตก เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และสะท้อนถึงราคาเทียบเคียงการนำเข้าซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนค่าขนส่งสูง (คาดการณ์วันรายงานผลประกอบการ วันที่ 12 พฤษภาคม 2565)
PTTGC: คาดรายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 3.31 พันล้านบาท ลดลง 66%YoY แต่ทรงตัว QoQ ทั้งๆ ที่ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแข็งแกร่งขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของธุรกิจโอเลฟินส์และธุรกิจอะโรเมติกส์ (คาดการณ์วันรายงานผลประกอบการ วันที่ 11 พฤษภาคม 2565)
อย่างไรก็ตาม ด้วยอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ซึ่งผลประกอบการ 1Q65 จะมีทิศทางที่คละเคล้ากัน โดย PTTGC จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนแนฟทาที่สูงขึ้นและอุปทานก๊าซที่ลดลง สะท้อนถึงต้นทุนวัตถุดิบที่แข่งขันได้น้อยลง ขณะที่ IVL จะมีผลประกอบการที่ดีกว่าบริษัทอื่นๆ
มุมมองต่อผลประกอบการ IVL:
ในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี SCBS ชอบ IVL มากที่สุด ท่ามกลางอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ไม่แน่นอน โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการและการเติบโตในระยะยาวของ IVL เนื่องจาก PET จะยังคงเป็นวัตถุดิบที่ถูกเลือกใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ อุปสงค์ PET จะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากสามารถรีไซเคิลได้ นำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลายๆ ด้าน และต้นทุนแข่งขันได้ นอกจากนี้การผลิตขวด PET ยังใช้พลังงานเพียงครึ่งหนึ่งและหนึ่งในสามของพลังงานที่ใช้ในการผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมและขวดแก้ว
สำหรับปัจจัยขับเคลื่อน IVL ที่สำคัญ คือการเข้าซื้อ Oxiteno เสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2565 และการดำเนินงานเต็มปีของโรงงานก๊าซแครกเกอร์ Lake Charles ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากความได้เปรียบด้านต้นทุนก๊าซมากขึ้น
นอกจากนี้ IVL ยังคาดการณ์ถึงผลประโยชน์จากโครงการสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน (Olympus) เพิ่มอีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 ส่วนธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide and Derivatives: IOD) ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างสดใส เพราะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์มีความผันผวนน้อยลง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP