พรรคประชาชนปรับแถวใหญ่ ผู้สมัคร สส. ใครอยู่ ใครไป ใครเว้นวรรค?

ฤดูกาลเลือกตั้งเวียนมาถึงไวกว่าที่คาด ทำให้ทุกพรรคการเมืองต่างขยับปรับแถวผู้สมัคร สส. ทั่วประเทศ แต่พรรคประชาชน ที่มีจำนวน สส. มากที่สุดในสภาจากการเลือกตั้งปี 2566 กำลังถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากปรากฏข่าวเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาผู้สมัคร สส. ของพรรคออกมา ซึ่งสะท้อนความปรวนแปรภายในพรรคอย่างเลี่ยงไม่ได้

เป็นที่รู้กันว่า การคัดกรองผู้สมัคร สส. ของพรรครอบนี้เข้มข้นมาก มีการใช้เกณฑ์ประเมินแบบ 360 องศา คือพิจารณาทั้งผลงานในสภาผู้แทนราษฎร การลงพื้นที่ของ สส. แบบแบ่งเขต และที่สำคัญคือคะแนนโหวตจากสมาชิกพรรคในพื้นที่ และทีมงานจังหวัด กระบวนการเคร่งครัดกระทั่งว่า แม้เป็นอดีต สส. เจ้าของพื้นที่เดิม ก็ต้องผ่านกระบวนการตั้งแต่นับหนึ่ง ไม่ต่างจากผู้สมัครใหม่

ผู้แสดงความประสงค์สมัคร สส. เขต หลายคนที่ทยอยเปิดตัว ก็สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อย เพราะเป็นบุคคลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงสังคมอยู่แล้ว เช่น อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ประกาศตัวลง สส. กทม. เขตตลิ่งชัน-ทวีวัฒนา หรือ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่ประกาศลง สส. สงขลา เขต 2

วันนี้ (17 ธันวาคม) และพรุ่งนี้ (18 ธันวาคม) พรรคประชาชนได้เรียกประชุมว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั่วประเทศ ทว่าอดีต สส. บางคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินของพรรค ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังจนเกิดแรงกระเพื่อม ซึ่งสามารถแบ่งออกตามพื้นที่ต่างๆ ได้ ดังนี้

นนทบุรี-ภูเก็ต

เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า จังหวัดนนทบุรีและจังหวัดภูเก็ต มีกระแสข่าวว่า สส. ของทั้ง 2 จังหวัด ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินจนต้องเปลี่ยนตัวยกจังหวัด ซึ่งต่อมา เฉลิมพงศ์ แสงดี อดีต สส. ภูเก็ต เขต 2 ได้ชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และอดีต สส. ทั้ง 3 คน ของภูเก็ต คือ สมชาติ เตชถาวรเจริญ อดีต สส. ภูเก็ต เขต 1, ฐิติกันต์ ฐิติพฤติกุล อดีต สส. ภูเก็ต เขต 3 และตนเอง ยังคงได้เป็นผู้สมัครของพรรคในพื้นที่เดิมต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับจังหวัดนนทบุรี แม้จะไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. ยกจังหวัด แต่ก็มี 2 คน ที่ยุติการทำงานร่วมกับพรรคประชาชน คือ คุณากร มั่นนทีรัย หรือ ไวท์ อดีต สส. นนทบุรี เขต 6 ที่ได้โพสต์ข้อความตัดพ้อว่าตนเอง “ไม่อยู่ในสมการของพรรค” อีกต่อไป แต่ยืนยันว่าจะทำงานการเมืองต่อในสังกัดอื่น

ขณะที่ สุรพันธ์ ไวยากรณ์ หรือ เอ อดีต สส. นนทบุรี เขต 1 ก็ได้ย้ายไปร่วมงานกับพรรคพลวัต ที่มี กัณวีร์ สืบแสง เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งสุรพันธ์ได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลวัต

สมุทรปราการ

จังหวัดสมุทรปราการเป็นอีกพื้นที่ยุทธศาสตร์ ซึ่งพรรคประชาชนสามารถกวาดที่นั่งได้ยกจังหวัด 8 เขต กระทั่ง ตรัยวรรธร์ อิ่มใจ หรือ ปอ อดีต สส. สมุทรปราการ เขต 8 โพสต์ข้อความพาดพิงถึงแกนนำพรรค โดยเปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ตนเองลงสมัครต่อแล้ว แต่จู่ๆ เลขาธิการพรรคกลับโทรฯ มาบอกให้ถอนตัว โดยอ้างว่ามีการใช้สิทธิคัดค้าน หรือวีโต (Veto) ที่เป็นสิทธิของเลขาธิการและหัวหน้าพรรคเท่านั้น เพื่อสามารถกลับมติของกรรมการบริหารพรรคได้

“ผมมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และใช้ระบบเผด็จการในการตัดสินพิจารณาตัวผม” ตรัยวรรธร์ระบุ พร้อมประกาศเดินหน้าในเส้นทางการเมืองต่อ เพื่อคัดค้านมติของพรรคที่เขามองว่า “อยุติธรรม”

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า จะมีอดีต สส. สมุทรปราการ เดิมของพรรคบางคน ที่ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง ไม่ลงสมัคร สส. ต่อในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งทางพรรคจึงต้องสรรหาผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินมาทดแทน

กทม.

ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชนก็สามารถกวาด สส. กทม. ได้มากถึง 32 เขต จากทั้งหมด 33 เขต และในจำนวนดังกล่าว ก็มีหลายคนที่มีบทบาทสูง ผลักดันผลงานได้สำเร็จเป็นภาพจำระดับประเทศ แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนบทบาทด้วยเหตุผลต่างๆ

เช่น เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต สส. กทม. เขต 24 (ธนบุรี-คลองสาน-ราษฎร์บูรณะ) ที่ขอส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ลงสมัคร สส. ในเขตนี้แทน คือ นัท-ณพัฎน์ จิตตภินันท์กัณตา

รวมถึงกลุ่ม สส. ที่มีคดีความต่างๆ หรือมีรายชื่อใน 44 สส. ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และอยู่ระหว่างการชี้มูลเป็นรายบุคคลโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช่น กาย-ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต สส. กทม. เขต 27 (บางบอน-บางขุนเทียน) เปิดทางให้ เบนซ์-นฤพล เลิศปัญญาโรจน์ ลงสมัครแทน

เช่นเดียวกับ ไอซ์-รักชนก ศรีนอก อดีต สส. กทม. เขต 28 (บางบอน) ที่มีการประกาศว่า ปาล์ม-ชลณัฏฐ์ โกยกุล จะลงสมัคร สส. ในเขตนี้แทน ขณะที่ โตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ อดีต สส. กทม. เขต 23 (บางนา-พระโขนง) เอง ก็ได้ประกาศว่า จะไม่ลงสมัคร สส. กทม. ต่อ โดยคาดว่า ทั้งณัฐชา, รักชนก และปิยรัฐ จะลงสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อในครั้งนี้ เพื่อรองรับหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จะสามารถเลื่อนลำดับขึ้นมาโดยไม่ต้องเลือกตั้งซ่อม

เมื่อถอยมามองในภาพรวม มีรายงานข่าวระบุว่า พรรคประชาชนได้คัดกรองผู้สมัคร สส. ลงเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นผู้สมัคร ‘ชุดเดิม’ หรือผู้ที่เคยชนะเลือกตั้งในครั้งก่อนหน้า ประมาณ 70-80% และอีก 20-30% จะเป็นผู้สมัคร ‘หน้าใหม่’ ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมิน หรือด้วยการวางมือของอดีต สส.

ขณะเดียวกัน นอกจากผู้สมัคร สส. แบบแบ่งเขต แล้ว การวางคนใน สส. แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรค ก็มีความเข้มข้นไม่แพ้กัน โดยมีรายงานว่า ล่าสุดได้วางตัวผู้สมัครไว้ครบทั้ง 100 ลำดับ แล้ว ซึ่งบางส่วนจะเป็นบุคคลที่คาดว่า จะได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในกรณีที่พรรคประชาชนชนะการเลือกตั้ง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วย