×

พรรคประชาชน ปราศรัยโค้งสุดท้ายศึกชิงนายก อบจ.ราชบุรี ชี้สนามนี้ไม่มีศาลฯ มาเอาออกจากตำแหน่ง บอกสลับขั้วมั่วซั่ว-อะไรไม่เคยเห็นก็ได้เห็น

โดย THE STANDARD TEAM
31.08.2024
  • LOADING...

วานนี้ (30 สิงหาคม) แกนนำพรรคประชาชน (ปชน.) ลงพื้นที่หาเสียงพร้อมปราศรัยช่วย ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โค้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 1 กันยายนนี้

 

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ตนอยากสื่อสารความในใจ ที่อยากทำการเมืองให้หลุดแบบเดิมๆ เปลี่ยนปัญหาที่หมักหมม เปลี่ยนวิถีการเมืองแบบเดิม เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับนักการเมือง ต่อไปประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

 

ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า เชื่อว่าการนำเสนอนโยบายที่ดีไม่ใช่ขายฝัน เราต้องการให้ราชบุรีเป็นหมุดหมายแรกที่เปลี่ยนแปลงสู่อนาคต ตนเป็นคนธรรมดา เพียงแต่สวมหมวกหัวหน้าพรรค ซึ่งเราประชาชนเหมือนกัน มีภารกิจทำให้การเมืองดีขึ้น พร้อมย้ำว่าสนามนี้ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญมาเอานายก อบจ. ออกจากตำแหน่ง มีแค่ 2 เบอร์ไม่มีใครมาฉีก MOU ให้เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไม่มีประวัติด่างพร้อยให้ใครมาแจกใบเหลือง

 

‘ชัยธวัช’ ชี้ อะไรไม่เคยเห็นก็ได้เห็น สับสลับขั้วมั่วซั่ว

 

ด้านชัยธวัช ตุลาธน ปราศรัยว่า ในการเลือกตั้งปี 2566 เราบอกว่ากาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม แม้จะยังส่งพิธาเป็นนายกคนที่ 31 ไม่ได้ แต่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงๆ สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้เป็นไปได้แล้ว และจะเป็นตลอดไป

 

หลายคนแซวติดตลกว่า อะไรที่ไม่เคยคิดจะได้เห็นก็ได้เห็น สลับขั้วไปมามั่วซั่ว นักโทษเทวดาไม่เคยเห็นก็ได้เห็น เป็นอย่างไรเดี๋ยวไปถาม พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เพราะเคยขึ้นไปชั้น 14 เป็นคนน้ำตาตกในซิกๆ ทั้งที่เคยเป็นสลิ่มเสื้อเหลืองเสื้อแดงเจ็บใจกันหมด

 

ชัยธวัชระบุอีกว่า การจัดตั้งรัฐบาลทีหนึ่ง เคาะชามดังกว่าให้ข้าวสุนัขที่บ้านอีก ทะเลาะกันไปกันมา สุดท้ายแค่แย่งชามข้าว ไม่ต้องดัดจริต แล้วมันไปรวมกันหมด เหตุผลที่แท้จริงเขาก็อาย แต่เพราะมันจำเป็น เขารู้สึกว่าการเมืองแบบเก่ากลุ่มผลประโยชน์แบบเก่าที่เคยแบ่งกันกินแบ่งกันใช้กำลังถูกคุกคาม และถูกท้าทายด้วยการเมืองแบบใหม่ของประชาชน

 

“เลิกเอาสถาบันและสิ่งที่ควรจะเป็นศูนย์รวมจิตใจมาใช้เพื่อผลประโยชน์ตัวเองมันน่ารังเกียจ เลิกเอาของสูงมาปกป้องของต่ำ“ ชัยธวัชกล่าว

 

‘ธนาธร’ เชื่อ อนาคตราชบุรีดีกว่านี้ได้

 

ขณะที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า ตนเป็นคนอ่อนไหวต่อความเจ็บปวดทุกข์ยากของประชาชน และตนเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่แค่ที่ราชบุรีที่เดียว แต่เห็นทั่วประเทศไทย ซึ่งตนเองบอกตลอดว่าประเทศไทยและลูกหลานเราไม่ควรเป็นแบบนี้

 

เมื่อเราบอกว่าเราจะพัฒนาพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า แต่เขากลับบอกเราว่าเราสุดโต่ง ยืนยันว่าสิ่งที่เรานำเสนอให้ประชาชนไม่ใช่ความสุดโต่ง แต่มันเรียกว่าความเจริญก้าวหน้า

 

“4 ปีนั้นเราแพ้ ไม่ได้นายก อบจ. เลย แต่เราชนะในระดับเทศบาล และเราใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ ทำงานจริง และทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเราทำเป็น เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจเพียงพอที่จะพัฒนาประเทศนี้“ ธนาธรกล่าว

 

ธนาธรกล่าวด้วยว่า เราไม่อยากให้คุณอยู่กับการเมืองกับความกลัวแบบนี้ เราอยากให้อยู่กับการเมืองแห่งความหวัง หวังถึงสังคมที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป เราไม่ต้องการให้คนหวาดกลัวผู้มีอำนาจ แต่เราต้องการให้ผู้มีอำนาจหวาดกลัวพวกคุณ เพราะเราไม่มีระบบอุปถัมภ์ ไม่มีซื้อเสียง เรามีแต่ประชาชนเท่านั้นที่เป็นนายของเรา

 

ส่วนอนาคตของราชบุรีจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ทุกท่าน และการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เลือกตั้งแบบโดดๆ แบบนี้ คนไม่กลับมาเลือกตั้ง และคนไม่กลับมาเลือกตั้งโอกาสชนะจะน้อยลง ถ้าอยากสนับสนุนหรือเห็นการเปลี่ยนแปลงแห่งความหวัง ให้โทรตามพ่อแม่พี่น้องกลับมาเปลี่ยนแปลงราชบุรีด้วยกัน

 

ขณะที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ตนมั่นใจว่าช้างล้ม ส้มชนะแน่นอน แต่จะชนะได้ก็ต้องพึ่งประชาชน สำหรับตนอยากจะบอกว่าราชบุรีแค่ปากซอย ตนเดินทางมา 13,000 กิโลเมตรจากสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ตนก็กลับมาแล้ว และเชื่อว่าพี่น้องชาวราชบุรีกำลังเดินทางกลับมา เพื่อนำประชาธิปไตยมาสู่ราชบุรี

 

‘พิธา’ ชี้ ไม่เคยปฏิเสธการแข่งขัน ‘ทักษิณ’

 

พิธาให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของฝ่ายค้านหลังจากนี้ ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลว่า ฝ่ายค้านจะทำงานไม่เหมือนเดิมในช่วงแรก และมั่นใจว่าพรรคประชาชนจะทำงานอย่างเต็มที่และเข้มแข็ง ไม่ได้ทำให้การทำงานของฝ่ายค้านถดถอย

 

ส่วนการหาเสียงของพิธาที่เคยประกาศไว้ มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา แต่วันนี้ลุงมาอยู่กับเรา รู้สึกอย่างไร พิธากล่าวว่า “เขาปิดไปอีก ป. แต่เขาเพิ่มมาอีก ป. เอาคนที่ชื่อ ป. ลงไป แต่เอาพรรคที่ชื่อ ป. กลับมา”

 

พิธาระบุอีกว่า สิ่งที่กังวลใจคือ การที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตย เรื่องที่มีการสูญเสียและขัดแย้งกันเยอะ สิ่งที่ต้องทำคือการเสาะหาข้อเท็จจริง รวมถึงการเยียวยาหาคนรับผิดชอบให้วัฒนธรรมการลอยนวลหายไป นี่คือบริบทที่เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ใช่ก้าวข้ามหัวประชาชน และไปจับมือกับพรรคที่เคยบอกว่าจะไม่จับ หรือบอกว่าแล้วก็ให้แล้วกันไป แล้วเดินไปข้างหน้า เพราะคนโดนกระทำเขาต้องการข้อเท็จจริง และต้องการให้มีบทเรียน มีคนรับผิดชอบ เขาถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้ ดังนั้นนักการเมืองต้องคิดให้ดีว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง หรือคุณกำลังก้าวข้ามหัวประชาชน เพราะสิ่งนี้ต่างกันอย่างชัดเจน

 

ส่วนการที่เขาจับมือกันเป็นเพราะ 14 ล้านเสียงของพรรคก้าวไกล อำนาจเก่าไม่อยากให้ก้าวไกลมาสู่รัฐบาล พิธาระบุว่า เขาทำอะไรอย่าอ้างพรรคก้าวไกลเลย วันนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว พวกคุณก็ทำลายสำเร็จแล้ว แต่พวกเราก็กลับมาได้เป็นพรรคประชาชนแล้ว รอเวลาเราจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าประเทศไทยเคยมีมา

 

ส่วนมองว่าพรรคประชาชนจะสามารถต่อกรกับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี 2570 ได้หรือไม่ พิธายืนยันว่า เราไม่เคยปฏิเสธการแข่งขันกับใครทั้งสิ้น พร้อมที่จะแข่งขันกับทุกคน เพราะตนเชื่อว่านโยบายและบุคลากร หากทำให้เกิดประสิทธิภาพคนที่ได้รับคือประชาชน แต่ปี 2570 ช้าไป ขอให้มองในเดือนกันยายนที่จะเป็นหมุดหมาย ซึ่งการเดินทางกลับมาจากสหรัฐฯ เพื่อมาเอาชัยชนะใน 2 สนามนี้ให้ได้ คือ อบจ.ราชบุรี และพิษณุโลก

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising