วันนี้ (3 กันยายน) ภายหลังแถลงมติของพรรคประชาชนโหวตให้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยถึงการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกที่ให้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นในระบบปิดไปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีผู้ตอบคำถามเข้ามาทั้งหมด 25,000 คน หลังจากผ่านกระบวนการถกเถียงอภิปรายและแลกเปลี่ยนรอบด้านแล้ว ทุกองคาพยพของพรรคมีความเห็นไปทางเดียวกันว่า เราจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจในสภาฯ ของพวกเราที่มีอยู่ของ สส. 143 คน ในการหาทางออกให้กับประเทศ และกำกับทิศทางเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็วภายใต้กรอบระยะเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ดังนั้น เมื่อมีเป้าหมายแบบเดียวกันที่เห็นทางออกของประชาชนและประเทศเป็นตัวตั้ง จึงทำให้พวกเราได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันตามมติของพรรค และขอยืนยันว่าการแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการรับรู้พร้อมกันของทุกฝ่าย” ณัฐพงษ์กล่าว
ส่วนมีข่าวว่าทางรัฐบาลเตรียมยื่นยุบสภาฯนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า เวลานี้ต้องยึดข่าวสารจากผู้มีอำนาจตัวจริง เพราะมีการปล่อยข่าวจากหลายส่วนทำให้เกิดสถานการณ์ความไม่แน่นอน ตนเองและผู้บริหารพรรคตัดสินใจอยู่บนข้อเท็จจริง ในการที่ทูลเกล้าฯยุบสภาจริงๆ ต้องเป็น ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นคนบอก
“สิ่งที่พรรคประชาชนต้องทำตอนนี้คือเราต้องการหาทางออกให้กับประเทศ ในกรณีที่จะมีการทูลเกล้าฯ เสนอให้ยุบสภาหรือไม่อย่างไร ก็ต้องไปถามพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ถ้ามีการทูลเกล้าฯ ยุบสภาไปแล้ว แล้วจะเกิดสถานการณ์อย่างไรต่อก็ต้องไปถาม ประธานรัฐสภาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรรวมถึง พรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกันว่าจากเงื่อนไขที่ผมได้แถลงไปแล้ว พรรคภูมิใจไทยตอบรับเงื่อนไขนี้หรือไม่”
ณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า การหารือได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกิดขึ้นผ่านการประชุมของผู้บริหารพรรคในคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ เพื่อกลั่นกรองสถานการณ์ล่าสุดก่อนตัดสินใจก่อนตัดสินใจสนับสนุนอนุทิน ทั้งนี้ ตนจะลงนามใน MOA ก่อน ส่วนพรรรภูมิใจไทยหากยอมรับเงื่อนไข 5 ข้อ อนุทินก็ต้องลงนามด้วยเช่นกันพร้อมกับแถลงต่อสาธารณชน
ณัฐพงษ์ยังกล่าวว่า มติครั้งนี้เราไม่ได้ตัดสินใจว่าทางเลือกไหนดีกว่ากัน แต่ตัดสินใจบนทางออกของประเทศ และบนพื้นฐานหลักประกัน ที่เรามั่นใจในการกำกับว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเป็นรัฐบาลที่มุ่งหน้าสู่การยุบสภาและจัดทำประชามติ เพื่อเปิดช่องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
“อะไรที่จะทำให้เรามีหลักประกันและความมั่นใจในการเดินไปสู่จุดนั้นเป็นการประเมินตามข้อเท็จจริง พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ทำให้พวกเรามองเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ว่า จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ทำให้พรรคประชาชนใช้เสียง สส. ในส่วนที่เรามีเสียงข้างมากกว่าในฐานะฝ่ายค้านสามารถกำกับทิศทางของรัฐบาลเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดนั้น” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์ย้ำว่า เราได้ประเมินมาอย่างรอบคอบแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้เชื่อว่าทุกคนมองออกว่า ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อคะแนนความนิยมของพรรคประชาชน หรือความเสี่ยงที่พรรคประชาชนจะสูญเสียคะแนนความนิยมแต่ตัดสินใจครั้งนี้เพื่อที่จะสร้างทางออกให้กับประเทศจริงๆ
“การที่เราเขียนหลักประกัน ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยต้องมีต้นทุนสูงสุด ถ้าคุณจะตระบัดสัตย์ต่อประชาชนอีก 1 ครั้ง ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ประชาชนคนไทยได้ลงโทษต่อพรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ก็เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะฉะนั้นหน้าที่ของพวกเราตอนนี้ในทางปฏิบัติ เราก็จะพยายามกำกับให้พรรคภูมิใจไทย และคุณอนุทินลงนาม และให้มีการแถลงเดินหน้าไปสู่การยุบสภา เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะเดียวกันถ้อยคำลายลักษณ์อักษรที่ปรากฏในเงื่อนไขตรงนี้ ผมเข้าใจดีว่าในทางปฏิบัติอาจจะบิดพลิ้วได้ แต่ถ้าบิดพลิ้วนี่ถือเป็นต้นทุนที่เขาจะต้องแลกมา” ณัฐพงษ์กล่าว