สิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา Apple เปิดผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณการเงิน 2019 โดยพบว่า iPhone เป็นสินค้าชนิดเดียวที่มียอดขายตกลง (-15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว) สวนทางกับผลิตภัณฑ์ชิ้นอื่นๆ แน่นอนว่าปัญหาสงครามการค้ากับจีนคือปัจจัยสำคัญ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าราคาจำหน่ายที่แพงขึ้น บวกกับอายุการใช้งาน iPhone รุ่นเก่าที่ยืดออกไปได้โดยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ถือเป็นเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง
โทนี ซัคโคนากี นักวิเคราะห์และนักวิจัยอาวุโสในแวดวงเทคโนโลยีจาก AllianceBernstein เป็นอีกหนึ่งในผู้ที่ออกมายืนยันถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยระบุว่าจากการที่ผู้บริโภคสามารถใช้งาน iPhone เครื่องเดิมๆ ของเขาได้นานขึ้น Apple ในฐานะผู้ผลิตจึงได้รับผลกระทบโดยตรงไปเต็มๆ
นักวิเคราะห์จาก AllianceBernstein บอกว่าเดิมทีในช่วงปีงบประมาณการเงิน 2018 ของ Apple ผู้บริโภคมักจะใช้ระยะเวลาเฉลี่ยราว 3 ปีในการตัดสินใจอัปเกรด iPhone เป็นรุ่นใหม่ แต่ปัจจุบันในช่วงปีงบประมาณการเงิน 2019 ช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้ถูกยืดออกไปเป็น 4 ปี
“ในมุมมองของเรา ปัญหาที่สำคัญที่สุดของ Apple ณ วันนี้คือวงจรการเปลี่ยน iPhone รุ่นใหม่ เพราะแม้ว่าในปีที่แล้วจะมีการใช้งาน iPhone เพิ่มขึ้น 9% แต่ตอนนี้เราคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะลดลง 19% ในปีงบประมาณการเงิน 2019 แสดงให้เห็นถึงปัญหาของอัตราการอัปเกรด iPhone”
ไม่ใช่แค่ซัคโคนากีเท่านั้นที่ให้ความเห็นในลักษณะนี้ เพราะนักวิเคราะห์อีกรายจาก UBS อย่าง ทิโมธี อาคูรี ก็เคยกล่าวเอาไว้เช่นกันว่ายอดขาย iPhone ในปี 2019 จะตกลงจนกระทั่ง Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงปี 2020
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
