วันนี้ (25 สิงหาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประเมินแนวโน้มผลวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนาของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 กันยายนนี้
ณัฐพงษ์ระบุว่า ในเรื่องของการพิจารณาคดีขอให้เป็นเรื่องของศาล ตนเองคงไปก้าวล่วงในข้อคิดเห็นของศาลไม่ได้ ก่อนจะมีคำตัดสินออกมา ส่วนหลังคำตัดสินออกมาแล้ว การเมืองจะเป็นไปในทิศทางใดนั้น ยืนยันว่าพวกเราพร้อมจะใช้จำนวน สส. ในสภาฯ กำกับทิศทางของระบบการเมืองภายในสภาฯ ให้เดินหน้าไปเป็นเสาหลักให้ความมั่นคงกับประชาชนได้
ส่วนหากต้องมีการโหวตเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ณัฐพงษ์มองว่า ทุกคนที่อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง ทุกคนมีสิทธิตามกฎหมาย
“ส่วนใครที่พรรคประชาชนจะโหวตให้นั้น เป็นไปตามที่เราได้แถลงข่าวไปแล้ว ว่าเราจะไม่ร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน หากวันหนึ่งการเมืองไทยจะไปถึงทางตัน สส. ของพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จำเป็นต้องรับเงื่อนไขตามที่พรรคประชาชนให้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์ย้ำว่า เงื่อนไขต่างๆ ยังคงเป็นไปตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เรายืนยันอีกครั้งว่า ณ วันนี้ สิ่งที่สังคมไทยต้องการเป็นอย่างยิ่งคือรัฐบาลที่มีความชอบธรรม เปลี่ยนรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก มีเสถียรภาพมากเพียงพอในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และการรับมือกับภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พรรคประชาชนเปิดเผยเงื่อนไขในการลงมติให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ยอมรับเงื่อนไขในการเป็นเพียงรัฐบาลชั่วคราวที่มีภารกิจในการเดินหน้าสู่การยุบสภา โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี
โดยเงื่อนไขประกอบไปด้วยอย่างน้อย การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี และการยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, การคลี่คลายสถานการณ์กรณีพิพาทไทย-กัมพูชาเฉพาะหน้า, การทำให้งบประมาณที่จำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ต้องสะดุดลงเพราะการเลือกตั้ง
▪️พร้อมลงพื้นที่เลือกตั้งซ่อมเชียงราย ไม่หวั่นชนทักษิณ
ณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม สส. จังหวัดเชียงราย เขต 7 ที่มีกระแสข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ช่วยหาเสียง โดยณัฐพงษ์ยืนยันว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ต้องไปลงพื้นที่หาเสียงอยู่แล้ว
ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนติดตามสนามเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ยิ่งมีประชาชนติดตามการเลือกตั้งซ่อมมากขึ้นเท่าไร ผลประโยชน์ก็จะตกที่ประชาชนชาวเชียงรายทุกคน
ส่วนคำพิพากษายกฟ้องในคดีมาตรา 112 ของทักษิณจะส่งผลต่อการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้หรือไม่นั้น ณัฐพงษ์มองว่า เรื่องคำวินิจฉัยของศาล ศาลก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในฐานะฝ่ายตุลาการ ส่วนจะมีผลอย่างไรต่อการเมือง อยู่ที่ประชาชนจะมีความรู้สึกหรือประเมินสถานการณ์อย่างไร