หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อรายวันลดลงจนถึงยอดต่ำสิบมาต่อเนื่องหลายวัน ทำให้เกิดการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ ทำให้ธุรกิจและผู้คนสามารถหวนคืนสู่การใช้ชีวิตภายนอกได้อีกครั้งหนึ่ง
แต่ในวันเสารที่ 9 พฤษภาคมนี้ ผู้คนยังต้องตั้งการ์ดในการป้องกันโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างทางสังคม ล้างมือเป็นประจำ พร้อมกับตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่ของร้านต่างๆ ขณะที่กรุงเทพมหานครวันนี้มีอุณหภูมิที่สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ในวันเสาร์แรกของการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ
THE STANDARD ได้ลงพื้นที่บนถนนเจริญกรุง ย่านบางรัก ได้พบเจอกับผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น ทั้งร้านค้าและบริการต่างๆ เริ่มฟื้นคืนกลับมาทำงานได้ แต่เมื่อเราเดินลึกเข้าไปในซอยวัดสวนพลู ร้านค้าส่วนใหญ่ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบจากการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลกต้องหยุดตัวลงชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยก่อนหน้านี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ประเทศไทยจะมีสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิตั้งแต่ 36-41 องศาเซลเซียส
รวมถึงได้ขอให้ประชาชนระวังการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ตั้งแต่มีอาการเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงอาการรุนแรงที่อาจเสียชีวิต ได้แก่ เพลียแดด โรคลมร้อนหรือฮีตสโตรก เกิดจากการทำกิจกรรมหรือทำงานในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน จนร่างกายไม่สามารถปรับตัวและควบคุมความร้อนในร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีอาชีพทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง คนอ้วน ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ในช่วงอากาศร้อน ต้องใส่ใจดูแลทั้งตัวเองและคนรอบกาย โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ถ้าอากาศร้อนจัดควรงดออกไปกลางแจ้ง งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานาน ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย วันละ 8-10 แก้ว สวมเสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี และไม่ควรดื่มสุราขณะอากาศร้อน” นพ.สุขุม กล่าว
