พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา เตรียมพยายามโน้มน้าวผู้นำด้านความมั่นคงในเอเชียในสุดสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือมากกว่าจีน ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลทรัมป์ต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
เฮกเซธซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม และใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่งไปกับประเด็นภายในประเทศ เช่น การต่อต้านนโยบายความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมกลุ่มในกองทัพ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์สื่อ เตรียมขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในวันเสาร์นี้ที่สิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นการแถลงวิสัยทัศน์ด้านนโยบายความมั่นคงในอินโด-แปซิฟิกอย่างเป็นทางการครั้งแรก
เขาจะขึ้นกล่าวบนเวที Shangri-La Dialogue ซึ่งเป็นการประชุมด้านความมั่นคงระดับสูงสุดในเอเชีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน โดยมีรัฐมนตรีกลาโหม ผู้นำทหารระดับสูง และนักการทูตจากทั่วโลกเข้าร่วม ขณะที่ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานในวันพรุ่งนี้ (30 พฤษภาคม)
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า “รัฐมนตรีเฮกเซธจะใช้เวทีนี้อธิบายเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ จึงเป็นพันธมิตรที่ดีกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) สำหรับชาติพันธมิตรในเอเชีย”
เจ้าหน้าที่คนเดียวกันยังกล่าวว่า การที่รัฐมนตรีกลาโหมจีน พล.ร.อ. ต่งจวิน คาดว่าจะไม่เข้าร่วมเวทีในปีนี้ อาจเปิดโอกาสให้ฝ่ายสหรัฐฯ ใช้เวทีนี้ได้มากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมาผู้แทนจีนและสหรัฐฯ เคยมีการโต้ตอบกันบนเวทีเดียวกัน
สุนทรพจน์ของเฮกเซธถูกจับตาอย่างมาก เนื่องจากเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งวิจารณ์พันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง โดยเฉพาะการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ
นอกจากนี้เฮกเซธยังสร้างความไม่พอใจให้กับพันธมิตรยุโรป โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขากล่าวในการแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ NATO ในกรุงบรัสเซลส์ว่า “ยุโรปไม่ควรปฏิบัติกับอเมริกาเหมือนเป็นคนโง่”
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอีกรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า “มีความไม่แน่นอนที่ถูกพูดถึง และบางครั้งก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นความกังวลอย่างแท้จริง”
สะท้อนถึงความรู้สึกที่ชาติพันธมิตรในเอเชียมีต่อความต่อเนื่องของนโยบายสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวบางอย่างในช่วงต้นของรัฐบาลทรัมป์ได้สร้างความแปลกใจให้กับหลายฝ่าย เช่น การเคลื่อนย้ายระบบป้องกันภัยทางอากาศจากเอเชียไปยังตะวันออกกลางเมื่อช่วงต้นปีนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดกับอิหร่าน ซึ่งต้องใช้เที่ยวบินลำเลียง C-17 ถึง 73 เที่ยว
อย่างไรก็ตาม เฮกเซธได้เดินทางเยือนฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเขายังยึดถือความสำคัญของพันธมิตรแบบดั้งเดิมในเอเชีย ทั้งนี้ เขาเคยดำรงเป็นผู้ดำเนินรายการของ Fox News และได้รับการรับรองตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมด้วยเสียงข้างมากแบบเฉียดฉิวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขาได้เริ่มปรับโครงสร้างกระทรวงอย่างรวดเร็ว โดยปลดนายทหารระดับสูงหลายคนเพื่อผลักดันวาระความมั่นคงของทรัมป์
เขายังตกเป็นเป้าการตรวจสอบอย่างหนัก หลังมีรายงานว่าเขาแชร์แผนปฏิบัติการทางทหารลับเกี่ยวกับกลุ่มฮูตีในเยเมนผ่านแอปพลิเคชัน Signal ในห้องแชตส่วนตัวสองกลุ่ม แม้จะเกิดกระแสดังกล่าว ทรัมป์ยังคงให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต ซึ่งร่วมคณะผู้แทนรัฐสภาสหรัฐฯ ที่เดินทางเข้าร่วม Shangri-La Dialogue ครั้งนี้ กล่าวว่า “เป้าหมายของฉันคือการสร้างความมั่นใจให้พันธมิตรในเอเชียว่าสหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่น ซึ่งเป็นข้อความที่ฉันไม่คิดว่าเฮกเซธจะส่งต่อได้ เขาได้ตำแหน่งนี้เพราะเอาใจทรัมป์และดูดีใน Fox News ก็เท่านั้น อย่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับขีดความสามารถของรัฐมนตรีกลาโหมคนนี้เลย”
ภาพ: Yves Herman / File Photo / Reuters
อ้างอิง: