วันนี้ (12 พฤษภาคม) หลังจาก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ได้รับการปล่อยชั่วคราวและออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเมื่อคืนวานนี้ ล่าสุด พริษฐ์ได้เขียนข้อความ ‘สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ’ โดยระบุใจความสำคัญว่า การถูกคุมขังเป็นระยะเวลา 93 วัน และการอดอาหารประท้วงความอยุติธรรมเป็นเวลา 57 วัน ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยที่เมื่อวานนี้ศาลได้คืนสิทธิประกันตัว
พริษฐ์ระบุว่า แม้จะเป็นการประกันตัวโดยที่ศาลกำหนดเงื่อนไขมาบางประการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเพื่อสกัดกั้นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยเอาเรื่องทางการเมืองมาตั้งเงื่อนไข เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาตัวเองว่าดำรงตนในความยุติธรรมหรือไม่
พริษฐ์ยังระบุอีกว่า เป็นการวางบรรทัดฐานว่าคดีมาตรา 112 ก็มีสิทธิได้รับการประกันตัว จากเดิมที่ในอดีตนั้นแทบไม่มีการได้ประกันตัวเลย และกฎหมายดังกล่าวสมควรที่จะถูกยกเลิก
“ส่วนของเงื่อนไขนั้นผมเห็นว่าไม่ได้ขัดข้องอะไรต่อการเคลื่อนไหว เพราะเงื่อนไขข้อที่ว่าห้ามมิให้สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ นั้น ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะสร้างความเสื่อมเสียอะไร” เพนกวินระบุและอธิบายอีกว่า
ตนเองไม่คิดว่าสถาบันกษัตริย์จะเสื่อมเสียลงเพียงเพราะการที่ประชาชนพูดความจริง เช่นเดียวกับเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ทวงคืนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เช่น หุ้น SCB) ยกเลิกกองกำลังส่วนพระองค์ เหล่านี้ผมไม่เห็นว่าจะสร้างความเสื่อมเสียให้สถาบันฯ ได้อย่างไร หากจะมองว่าการเรียกร้องให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ก็คงจะต้องถามกันต่อว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขหรือปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กันแน่ ดังนั้นแล้วสำหรับผมการต่อสู้เพื่อปฏิรูปสถาบันฯ จะดำเนินต่อไป
สำหรับเงื่อนไขเรื่องห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น ผมยืนยันว่า ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมาผมยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรง การชุมนุมที่ผมเข้าร่วมหรือได้มีส่วนร่วมจัดนั้นล้วนแต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธทั้งสิ้น เท่าที่เห็นก็มีแต่จะไม่สงบบ้างเพราะถูกเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุมฝ่ายรัฐ และผู้ไม่ประสงค์ดี มาใช้กำลังเพียงเท่านั้น ดังนั้นผมจึงเห็นว่าเงื่อนไขข้อนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้ของผมเช่นกัน และผมพร้อมที่จะเข้าร่วมทุกกิจกรรมหลังจากที่วิกฤตการณ์โรคระบาดระลอกนี้ (ซึ่งเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะยังดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้นและเข้มแข็ง การต่อสู้ของเราดำเนินอยู่บนสัจธรรมความจริง เพราะไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่เท่าพลังแห่งความจริง และความจริงย่อมเป็นสิ่งนิรันดร์ประดุจดวงดาว เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่มุมใดของฟ้า ดวงดาวก็จรัสแสง เช่นเดียวกับความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงที่ทรงพลังและไม่มีวันตาย
ก้าวต่อไปเฉพาะหน้า เราจะต้องช่วยกันปลดปล่อยผู้พูดความจริงอีกหลายคนที่ยังถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นทนายอานนท์, พี่ไมค์ ระยอง, แฟรงค์ ณัฐชนน และอีกหลายๆ ท่าน เราผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายยังจะต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นอย่างสมบูรณ์ว่าการพูดความจริงไม่ผิด และความเท็จไม่อาจคุมขังปิดบังความจริงได้ตลอดไป
เพนกวินระบุอีกว่า ในระหว่างนี้ขอพักฟื้นร่างกายและหาอะไรกินก่อนจะเดินไปกับพี่น้องทุกท่านอีกครั้ง
“ผมยังคงเป็นคนเดิม สู้เพื่ออุดมการณ์ดังเดิม และจะมุ่งมั่นต่อการต่อสู้มากกว่าเดิมครับ”
สำหรับพริษฐ์ ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังศาลให้ปล่อยชั่วคราวในคดีม็อบเฟสและคดีปักหมุดที่สนามหลวง #ทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 โดยตีวงเงินประกันที่คดีละ 2 แสนบาท รวมเป็น 4 แสนบาท และกำหนด 4 เงื่อนไขระหว่างประกัน คือ
- ห้ามกระทำการใดที่เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ
- ไม่เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
- ไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองด้วย
- ต้องเดินทางมาศาลทุกนัด
หลังออกจากเรือนจำ พริษฐ์เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล และคาดว่าจะใช้เวลารักษาอาการเพื่อฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง
อ้างอิง: