“เปเล่ ฉันเชื่อว่านายจะเป็นนักกีฬาอาชีพที่เก่งมากๆ ได้ แต่อย่าได้คิดว่านายจะเป็นคนที่เก่งที่สุด อย่าได้คิดว่านายคือพระเจ้า ถ้านายหาเงินมาได้ จงเก็บเงินนั้นไว้สำหรับในอนาคต อย่าได้ริซื้อบุหรี่หรือลูกกวาด นายจะต้องเป็นเด็กน้อยจากเบารูเสมอ”
ข้อความดังกล่าวคือสิ่งที่เปเล่ต้องการเขียนถึงตัวของเขาเองในวัยเยาว์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความถ่อมตนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาลูกหนังคนนี้เป็นอย่างดี
เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู หรือที่ผู้คนจดจำเขาในชื่อของ ‘เปเล่’ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาล เพียงแต่เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ไม่ใช่แค่ฟ้าประทานพรมาให้เท่านั้น
เปเล่คือนักฟุตบอลที่ธรรมชาติยังได้มอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้แก่เขาด้วย
เด็กน้อยจากเบารูผู้ที่ทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างในเกมฟุตบอล ยิงเท้าซ้าย ยิงเท้าขวา เหินหาวขึ้นฟ้าเพื่อกระโดดโหม่งได้สูงกว่าใคร วิ่งได้รวดเร็วประหนึ่งเสือชีตาห์ เลี้ยงลูกฟุตบอลได้เหมือนติดแม่เหล็กไว้ที่ปลายเท้า มีเทคนิคการเล่นที่ทั้งเหนือชั้นและนุ่มนวล
เหนือกว่านั้นคือความคิดความอ่านในการเล่นฟุตบอลของเขาไปไกลกว่าใครทั้งนั้น
เวลาอยากรู้ว่าใครเก่งแค่ไหน คนที่จะบอกได้ดีที่สุดคือเหล่าคนที่อยู่ในระดับเดียวหรือใกล้เคียงกัน เช่น โยฮัน ครัฟฟ์ นักฟุตบอลผู้ได้รับสมญา ‘นักเตะเทวดา’ จากการเล่นที่สุดจะเหนือชั้นของเขาเคยกล่าวถึงเปเล่เอาไว้ว่า “เปเล่คือนักฟุตบอลคนเดียวที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ”
เฟเรนซ์ ปุสกัส หนึ่งในยอดนักเตะตลอดกาลผู้นำของทีม ‘มหัศจรรย์แม็กยาร์’ ฮังการีที่เคยเกือบครองโลกได้กล่าวถึงเปเล่ว่า “ผมขอปฏิเสธที่จะให้มาจัดประเภทของเปเล่ เขาเป็นนักเตะที่อยู่เหนือไปกว่านั้น”
เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน กล่าวถึงเปเล่ว่า “บางครั้งผมก็คิดว่าฟุตบอลนั้นถูกประดิษฐ์มาเพื่อนักฟุตบอลที่เหมือนมีเวทมนตร์คนนี้”
คำสรรเสริญนี้มีอีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่พอจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความสุดยอดของราชาลูกหนังผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
เพียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนานว่าใครคือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโลกใบนี้
ก่อนหน้านี้คำถามนี้เคยกินระยะเวลาร่วม 20-30 ปีนับจากที่ ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา ถือกำเนิดและกลายเป็นเทพเจ้าลูกหนังของอาร์เจนตินา ซึ่งก็มีการพูดกันถึงเรื่องของฝีเท้าการเล่นของจอมทัพหมายเลข 10 ของทีมเบียงคิเชเลสเตว่าอาจจะยอดเยี่ยมเหนือยิ่งกว่าเปเล่
ในปัจจุบันคำถามใหม่เกิดขึ้นโดยมี ลิโอเนล เมสซี ที่สร้างตำนานของตัวเองได้สำเร็จด้วยการนำอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกของเขาเองได้เท่ากับที่มาราโดนาทำได้
หลายคนมองว่าเปเล่ก็แค่นักฟุตบอลที่เก่งในประเทศ เพราะแทบทั้งชีวิตเปเล่เล่นอยู่กับสโมสรซานโตสเท่านั้น ไม่เคยไปค้าแข้งในยุโรป และจำนวนประตูกว่า 1,283 ประตูที่เขาทำได้นั้นจำนวนไม่น้อยก็มาจากเกม Exibition หรือเกมโชว์ตัวเสียมาก
สิ่งเหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็ส่งผลให้การเปรียบเทียบดูมีน้ำหนัก
อย่างไรก็ดี หากได้ลองศึกษาเรื่องราวแล้วจะทราบว่า การที่เปเล่ไม่ได้ย้ายไปค้าแข้งในยุโรปอันเป็นสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นรอยด่างพร้อยที่สุดนั้นไม่ได้แปลว่าจะไม่มีใครไม่อยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม ในทางตรงกันข้ามสโมสรจากยุโรปต่างรอคอยที่จะได้ตัวเขามาร่วมทีม และพร้อมจ่ายไม่อั้นเพื่อจะแย่งตัวกัน
เพียงแต่เพราะเปเล่ สำหรับชาวบราซิลเขาไม่ได้เป็นแค่นักฟุตบอลธรรมดา หากแต่มีความสำคัญในระดับประเทศ เป็นบุคคลที่ชาวบราซิลรักมากที่สุด
ความรักของชาวบราซิลที่มีต่อเปเล่นั้นเริ่มตั้งแต่ที่เด็กน้อยวัย 17 ปี สร้างปรากฏการณ์ด้วยการพาทีมชาติคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกได้ที่ประเทศสวีเดน ลบล้างฝันร้ายของคนทั้งประเทศที่เคยหัวใจสลายจากเหตุการณ์ ‘มาราคานาโซ’ ที่บราซิลอกหักถูกอุรุกวัยบุกมาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินของพวกเขาได้ที่สนามมาราคานา
นับจากนั้นมาเด็กน้อยจากเบารูคนนี้คือคนที่แตะต้องไม่ได้ และนั่นทำให้ไม่มีฝ่ายการเมืองคนไหนของประเทศที่ต้องการจะได้รับการจดจำว่า ‘เปเล่ย้ายออกไปในยุคสมัยของเขา’
เปเล่ถูกแห่ในเกมนัดสุดท้ายในชีวิตการเล่นของเขาระหว่างนิวยอร์ก คอสมอส และซานโตส
เช่นนั้นเองที่ประตูสู่ยุโรปของเขาไม่เคยได้รับการเปิดอีก โดยเฉพาะในยุคสมัยเผด็จการครองอำนาจในบราซิล ที่ทำแม้กระทั่งการบีบให้เขาต้องกลับมารับใช้ทีมชาติบราซิลอีกครั้งในฟุตบอลโลก 1970 ทั้งๆ ที่เคยประกาศอำลาไปแล้ว
อีกด้านหนึ่งเกมฟุตบอลในอดีต ลูกหนังลาตินอเมริกาไม่เคยเป็นรองยุโรปเหมือนในปัจจุบัน โคตรบอลของโลกล้วนมาจากแดนดินฝั่งนี้ทั้งสิ้น
เปเล่ยังเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังคนแรกที่ถึงขั้นมีประเทศมากมายที่พร้อมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อให้เขาเดินทางมาโชว์เพลงแข้งในสนาม ใครก็อยากเห็น ‘The Black Pearl’ ไข่มุกดำเม็ดเดียวของโลก เรียกว่าเปเล่โด่งดังไม่ได้น้อยไปกว่าวงดนตรีระดับตำนานอย่าง The Beatles เป็นนักฟุตบอลคนแรกที่มีสถานะในระดับนี้
ในเชิงของผลงานสถิติ นอกจากจำนวนประตู 1,283 ประตูแล้ว สิ่งที่ยังไม่มีใครล้มเขาได้คือการเป็นนักฟุตบอลคนแรก และคนเดียวของโลกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ 3 สมัย
แม้ในวงเล็บว่าหนึ่งในแชมป์โลกของเขาจะได้มาอย่างไม่สง่างามนักเพราะบาดเจ็บหนักตั้งแต่รอบแรก แต่การบาดเจ็บนั้นก็เกิดจากการโดนคู่แข่งไล่เตะจนน่วมไม่สามารถลงเล่นต่อได้ไหว
ฟุตบอลในอดีตนั้นไม่ได้มีการให้ใบแดงมาก่อน ฟุตบอลในยุคของเปเล่คือเกมที่เล่นกันด้วยความแข็งแกร่งและไหวพริบล้วนๆ จนกระทั่งเริ่มมีการคิดกฎการให้ใบแดงขึ้น เพราะนักเตะอย่างเปเล่ถูกคู่แข่งไล่เก็บจนบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ควรจะนำมาตัดสินคุณค่าของใครสักคน บางครั้งเราไม่ควรสนใจแค่เรื่องของสถิติหรือผลงานเท่านั้น
สำหรับเปเล่ นอกเหนือจากผลงานเหนือธรรมชาติแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาได้มอบให้แก่โลกใบนี้คือ การที่สอนให้โลกใบนี้ได้ทำความรู้จัก หลงรัก และคลั่งไคล้ไปกับเกมฟุตบอล จากปรัชญา ‘Ginga’ ถึง ‘Joga Bonito’ หรือการเล่นอย่างงดงามของเขา ที่ไม่ว่าลูกเล่นใดที่เคยเห็นสตาร์คนไหนทำ สิ่งเหล่านั้นเปเล่ทำมาหมดก่อนตั้งนานแล้ว ไม่นับในเรื่องของความมีน้ำใจนักกีฬาที่ทำให้ไม่เคยมีใครเป็นศัตรูกับเขา
เปเล่คือคนที่ทำให้เกิดคำว่า ‘The Beautiful Game’ ที่เป็นการเปรียบเปรยถึงเกมฟุตบอลว่าเป็นกีฬาที่มีแง่งามมากมาย
เขาคือคนที่เปลี่ยนแปลงฟุตบอลได้เหมือนผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองอย่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน ยอดนักประดิษฐ์ซึ่งเป็นคนที่พ่อของเขานำชื่อมาตั้งชื่อลูก แต่ตัดตัวอักษรออกไปหนึ่งตัวจึงได้เป็น เอ็ดสัน (เอดซง)
เปเล่ – ผู้ที่ได้รับชื่อนี้จากความเข้าใจผิดของเด็กน้อยเอ็ดสันที่พูดชื่อของผู้รักษาประตูคนโปรดอย่าง ‘บิเล่’ ผิดเป็น ‘ปิเล่’ ก่อนจะกลายเป็น เปเล่ ในเวลาต่อมา – คือคนที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นกีฬามหาชนของคนทั้งโลก
และเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ เปเล่ จึงคู่ควรแก่การได้รับสมญาของเขา
“ราชาแห่งโลกฟุตบอล”
ที่แม้ชีวิตจะดับสูญไปแล้ว แต่เรื่องราว ตำนาน และนิทานของเขาจะยังคงอยู่คู่โลกใบนี้ไปตลอดกาล
- ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำประตูมากที่สุดในโลก แต่ลึกๆ แล้วเปเล่มีความปรารถนาจะเป็นผู้รักษาประตูเหมือนฮีโร่ของเขา และเวลาลงเฝ้าเสาเขาก็ทำได้ดีด้วย!
- ในวันที่เปเล่ลงสนามเกมสุดท้ายในการเป็นนักฟุตบอล หลังจากที่เขายิงจากระยะกว่า 30 หลาเข้าไป ฝนก็ตกลงมาจากฟ้าอย่างหนักจนผู้บรรยายถึงกับบอกว่า “แม้กระทั่งฟ้ายังร้องไห้ให้กับการอำลาสนามของเปเล่”
- ที่สโมสรซานโตส มีตู้ล็อกเกอร์ใบหนึ่งที่ถูกปิดตายไว้และไม่เคยเปิดอีกเลย ตู้ใบนี้เป็นตู้เก็บของส่วนตัวของเปเล่ ที่ขอร้องสโมสรหลังลงเล่นเกมสุดท้ายของเขากับทีมว่า “จะเปิดตู้นี้ต่อได้ก็เมื่อผมไม่อยู่แล้ว” และคาดว่าตู้ใบนี้จะได้รับการเปิดในเร็วๆ นี้