เดินทางมาถึงภาคที่ 3 แล้วสำหรับ พี่นาค 3 ภาพยนตร์คอเมดี้สยองขวัญจากผู้กำกับ ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ หลังจากที่ภาพยนตร์สองภาคแรกได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลามจนสามารถกวาดรายได้รวมทั้งสองภาคไปได้กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งการกลับมาครั้งนี้จะยกระดับสเกลของเรื่องราวและความโหดของผีพี่นาคที่ดุยิ่งกว่าเดิม
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ อ๊อด (ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ) สัปเหร่อหนุ่มแห่งวัดธรรมนาคานิมิตร บังเอิญไปเจอกำไลข้อเท้าทองคำโบราณในหลุมฝังศพสมัยสงครามโลกและหยิบติดมือมาด้วย ทำให้อ๊อดโดนคำสาปประหลาดจากกำไลที่ทำให้เขามีเกล็ดคล้ายงูขึ้นบนร่างกาย อีกทั้งเขายังถูก ผีนาคคำ (แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) เจ้าของกำไลออกตามล่าเพื่อทวงกำไลคืน
เณรน็อต (ต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน) จึงต้องร่วมมือกับ บอลลูน (เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี), เฟิร์ส (เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์), คุณโท (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร), คิดดี (ตูน-อติรุจ แสงเทียน), เณรน้ำเหนือ (เทมโป-กัณฐพัทธ์ กิติชัยวรางค์กูร) และ แปมแปม (คิมเท ซิม) เพื่อหาวิธีล้างคำสาปให้กับอ๊อด ก่อนที่จะถูกผีนาคคำฆ่าตาย
ความโดดเด่นของ พี่นาค 3 ที่ยังนำเสนอออกมาได้ดีไม่แพ้สองภาคแรก คืองานโปรดักชันที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งงานเมกอัพเอฟเฟกต์ของผีนาคคำที่น่าเกรงขามและดุดันมากขึ้นกว่าเดิม ไปจนถึงงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่สร้างสรรค์พญานาคขึ้นมาได้อย่างอลังการงานสร้าง
จุดเด่นข้อต่อมาที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือมุกตลกขบขันภายในเรื่องที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะสองเพื่อนซี้อย่าง บอลลูน และ เฟิร์ส ซึ่งรับบทโดย เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี และ เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์ ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้ดีเช่นเดิม จนเรียกได้ว่าบทบาทของพวกเขาแทบจะโดดเด่นกว่าตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็ว่าได้
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางงานโปรดักชันสุดอลังการและมุกตลกขบขันที่สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชม พี่นาค 3 กลับมีจุดด้อยสำคัญในแง่ของเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะการกระจายบทบาทให้กับตัวละครต่างๆ
เนื่องจากในภาคนี้กลุ่มตัวละครหลักที่ผู้ชมต้องติดตามมีจำนวนมากถึง 8 คนด้วยกัน แต่ภาพยนตร์กลับไม่สามารถกระจายบทบาทให้กับแต่ละคนได้อย่างทั่วถึง เช่น คุณโท ไอดอลเกาหลีสุดเท่ที่อาสามาช่วยเหลืออ๊อดออกตามหาวิธีแก้คำสาป แต่ในระหว่างการเดินทางคุณโทกลับไม่ได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืออ๊อดหรือมีการกระทำที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไรนัก มันจึงส่งผลให้จำนวนของกลุ่มตัวละครหลักที่ผู้ชมต้องติดตามค่อนข้างจะล้นเกินไปจนไม่น่าจดจำ
อีกหนึ่งจุดด้อยสำคัญคือ ภาพยนตร์พยายามจะเล่าเรื่องราวในรูปแบบของการผจญภัย ที่ตัวละครต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และเผชิญหน้ากับปมปัญหาระหว่างทาง แต่วิธีการคลายปมปัญหาของเรื่องกลับดูจะเป็นความบังเอิญมากกว่าที่ตัวละครจะต้องพยายามแก้ไขปมปัญหาเหล่านั้น ภาพยนตร์จึงไม่สามารถชักชวนให้เรารู้สึกลุ้นหรืออยากจะเอาใจช่วยให้กลุ่มตัวละครหลักข้ามผ่านปมปัญหาต่างๆ อย่างที่ควรจะเป็น
ในภาพรวมแล้ว พี่นาค 3 ยังคงมีความตลกขบขันและงานโปรดักชันที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้สองภาคแรก โดยเฉพาะการออกแบบผีพี่นาคที่ดุดันและมีเสน่ห์ แต่ขณะเดียวกันภาพยนตร์กลับมีจุดด้อยในแง่ของเนื้อเรื่องที่ไม่สามารถทำให้เราอยากเอาใจช่วย และยังไม่สามารถกระจายบทบาทให้กับกลุ่มตัวละครหลักได้อย่างทั่วถึง
พี่นาค 3 มีกำหนดเข้าฉาย 17 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่