สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี จากระดับ 3.85 เปอร์เซ็นต์ ลงมาสู่ระดับ 3.80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 4.65 เปอร์เซ็นต์
รายงานระบุว่า แม้ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะถือว่าเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ของธนาคารกลางจีน แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีในวันนี้นับเป็นการปรับลดครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด จนทำให้หดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีน เป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี เป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง
การตัดสินใจของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้ยังเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายสำนักที่เห็นตรงกันว่า ทางธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีในวันนี้ และให้มีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งการตัดลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคและการลงทุน
ที่ผ่านมาจีนแสดงจุดยืนชัดเจนที่จะเลี่ยงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินเข้าระบบโดยตรง เหมือนที่หลายชาติในสหรัฐฯ และยุโรป ดำเนินการเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง แต่จีนเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการออกนโยบายที่มุ่งสนับสนุนช่วยเหลือบรรดาธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กแทน
จ้าวเผิงซง นักกลยุทธ์อาวุโสของ ANZ กล่าวว่า ทางการจีนกำลังส่งสัญญาณระบุการยอมรับในการปรับใช้นโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางความท้าทายต่างๆ
รายงานระบุว่า จีนถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2020 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สำหรับการขยายตัวในปีนี้ของจีนกลับได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาขาดแคลนพลังงานที่กระทบต่อการผลิต และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สามในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สะท้อนปัญหาตลาดภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่ฝังรากลึกมากยิ่งขึ้น และทำให้ทางการจีนต้องเร่งพิจารณาหาวิธีให้การสนับสนุน แม้ว่าธนาคารกลางรายใหญ่อื่นๆ จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อบ้างแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ทางธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25 เปอร์เซ็นต์ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อ
โดย BOE นับเป็นธนาคารกลางขนาดใหญ่แห่งแรกของโลกที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิดในช่วงต้นปี 2020 ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2022
นักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงนักวิเคราะห์จาก Societe Generale คาดการณ์ว่า มีโอกาสจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการตัดลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม หรือมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติมจากธนาคารกลางจีน พร้อมคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2022 จะเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปี 1990
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
