เป็นทำไมแค่บริษัทการเงิน ต้องเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียด้วยซิ! PayPal กำลังตัดสินใจเข้าซื้อ Pinterest ด้วยมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคฯ หลากหลายแห่งต่างต้องการเป็นบริษัทด้านการชำระเงินออนไลน์กันมากมาย อย่าง Apple Pay, Google Pay และ Amazon Pay และสัปดาห์นี้ Facebook Inc. ได้เปิดตัวกระเป๋าเงินดิจิทัลของตนเอง

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่บริษัท PayPal Holdings Inc. ซึ่งเป็นบริษัทการเงินต้องการเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียด้วย สำหรับบริษัท PayPal อาจมองว่าการโจมตีเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดจากการรุกรานของยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายอื่นๆ โดย PayPal กำลังวางแผนข้อเสนอมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือมากถึงราว 1.5 ล้านล้านบาท สำหรับเข้าซื้อกิจการ Pinterest Inc. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เน้นรูปภาพและไลฟ์สไตล์

ดีลนี้ถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปีนี้ แซงหน้าดีลของ Square Inc. ที่เสนอซื้อบริษัทด้านการเงินแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลังอย่าง Afterpay มูลค่า 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 9.6 แสนล้านบาท และดีลของ Microsoft ที่เสนอซื้อกิจการที่เป็นผู้บุกเบิกระบบ Speech-Recognition อย่างบริษัท Nuance Communications, Inc. เป็นมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 6.6 แสนล้านบาท)

ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างๆ ได้แสดงท่าทีตอบรับข่าวดีที่ PayPal สนใจจะซื้อ Pinterest ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 13% ในวันพุธ (20 ตุลาคม) ก่อนที่จะตกลงมา 3.2% ในวันพฤหัสบดี (21 ตุลาคม)

Pinterest เป็นแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทาง สำหรับการค้นหาไอเดียต่างๆ ทางโลกออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้ผู้หญิงส่วนใหญ่มักใช้เพื่อค้นหาไอเดียต่างๆ อย่างไอเดียการแต่งบ้าน หรือไอเดียการแต่งตัว

ส่วนใหญ่แล้ว Pinterest ทำเงินจากการขายโฆษณาให้กับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนให้เข้าถึงผู้ใช้ 454 ล้านคน หากผู้ใช้เห็นสิ่งที่พวกเขาชอบ พวกเขาก็สามารถคลิกผ่านไปยังเว็บไซต์ของผู้โฆษณาและซื้อสินค้าที่นั่นได้

ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่มีอยู่ของ PayPal ที่จะเดินตามรอยแนวทางของผู้บุกเบิกอย่าง Google และ Facebook โดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้งสองนี้ได้พยายามอย่างจริงจังในการซื้อแพลตฟอร์มอื่นๆ มาเป็นของตนเองมากขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทั้ง Instagram ที่ถูกซื้อโดย Facebook และ YouTube ที่ถูกซื้อโดย Google

หาก PayPal สามารถทำให้ Pinterest เป็นแหล่งช้อปปิ้งได้ PayPal ก็สามารถทำรายได้จากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการชำระเงินแต่ละรายการได้ และยังอาจกระตุ้นให้ร้านค้าที่อยู่บน Pinterest ถึง 32 ล้านราย ซื้อโฆษณาบน Pinterest มากขึ้น โดยจากข้อมูลพบว่า คู่แข่งอย่าง Facebook ที่มีผู้ใช้มากกว่า Pinterest ประมาณ 6 เท่า แต่กลับสร้างรายได้มากกว่าถึง 47 เท่า

แนวโน้มการเติบโตของรายได้ และการเกื้อหนุนกันของสองกิจการทั้ง PayPal และ Pinterest นั้น น่าจะเพียงพอที่จะจ่ายเงินซื้อกิจการมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้จะมีการแข่งขันกันมากขึ้นในธุรกิจชำระเงินออนไลน์ แต่ตลาดชำระเงินผ่านอีคอมเมิร์ซก็เติบโตอย่างรวดเร็วเพียงพอที่จะสร้างรายได้กลับคืนมาได้

ซึ่งในตอนนี้ยักษ์ใหญ่หลายๆ แห่งก็อยากจะลงทุนในกิจการที่เสมือนเป็นธนาคารยุคใหม่นี้ และการล็อกดาวน์ของโควิดก็เร่งให้มีการใช้และยอมรับเทคโนโลยีออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้หุ้นของ PayPal เพิ่มขึ้น 140% มากกว่า S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 68% จากการระบาดใหญ่ในเดือนมีนาคม 2020

โดยหุ้นของ PayPal ตั้งแต่ช่วงก่อนล็อกดาวน์ มีมูลค่ามากถึง 24 เท่าของรายได้ที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และในตอนนี้มีการซื้อขายที่เกือบ 50 เท่าของตัวเลขรายรับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 2.9 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 9.6 ล้านล้านบาท ในขณะเดียวกันราคาหุ้นของ Pinterest ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมีการปรับขึ้นของตัวเลขคาดการณ์รายได้

แต่ถ้าหาก PayPal สามารถหาวิธีที่จะใช้ Pinterst เก็บเงินค่าสิทธิเพิ่มเติมได้ อาจจะทำให้รายได้ของกิจการเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.3 หมื่นล้านบาท สามารถแปลเป็นมูลค่าตลาดในทางทฤษฎีได้เป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์หรือ 1.6 ล้านล้านบาท)

ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น Pinterest และ PayPal จะสามารถเพิ่มกระแสเงินสดอิสระจากรายได้ของค่าธรรมเนียมได้ถึง 13% ในปี 2024 โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับธุรกิจ ซึ่งคิดเป็น 15% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และนั่นเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับผู้ถือหุ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ PayPal สามารถมีความสัมพันธ์ได้โดยตรงกับผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายจากการที่บริษัทอีคอมเมิร์ซต่างๆ ตัดสินใจยกเลิกการชำระเงินผ่าน PayPal อย่างที่เกิดขึ้นจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกอย่าง Amazon.com

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH