วันนี้ (14 พฤษภาคม) วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ถึงสาเหตุของการพบยอดผู้ติดเชื้อจำนวนมากในระยะเวลารวดเร็ว
วีระกิตติ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 7 พฤษภาคม กรมราชทัณฑ์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ ให้มาประจำอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อดำเนินการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR แบบ 100% ตลอด 24 ชั่วโมง
จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม ในผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง จนสามารถตรวจแล้วเสร็จ 100% ทำให้สามารถแยกกลุ่มเป้าหมายที่ติดเชื้อและกลุ่มที่ยังไม่ติดเชื้อได้อย่างทันท่วงที และพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว ซึ่งในกลุ่มผู้ติดเชื้อดังกล่าว ได้ดำเนินการเอกซเรย์ปอดทุกรายโดยรถพระราชทานในโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการแยกผู้ป่วยตามลักษณะอาการเพื่อดำเนินการรักษาได้อย่างตรงจุด
และด้วยการตรวจพบเชื้อที่มากขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการยืนยันผลเพื่อป้องกันการรายงานผลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพื่อให้ได้ยอดการรายงานที่เป็นยอดแท้จริงจากการตรวจคัดกรองแบบ 100% ในระยะเวลา 4-5 วันในคราวเดียวกัน จนกระทั่งได้จำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นยอดแท้จริง ก่อนรายงานไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 (ศบค.) ดังกล่าว
วีระกิตติ์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด และที่ผ่านมาหากผู้ต้องขังที่ติดเชื้อรายใดต้องการแจ้งให้ญาติภายนอกทราบ ทางเรือนจำและทัณฑสถานจะมีเจ้าหน้าที่คอยดำเนินการแจ้งไปยังญาติผู้ต้องขังแต่ละรายเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขังว่าต้องการแจ้งญาติหรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายชื่อผู้ป่วยรวมถึงข้อมูลอื่นใดแก่บุคคลภายนอกได้ ยกเว้นหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะอาจเป็นการกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม หากญาติผู้ต้องขังรายใดที่มีความกังวลใจ สามารถติดต่อสอบถามที่เรือนจำและทัณฑสถานที่ผู้ต้องขังถูกคุมขังอยู่ได้
นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่มีผู้โพสต์ในสื่อออนไลน์ โดยอ้างว่า รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไม่ได้ถูกกักตัวตลอดเวลาระหว่างวันที่ 23 เมษายน – 5 พฤษภาคม ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้วนั้น ขอเรียนว่า ปนัสยาได้ถูกกักตัวในห้องกักโรคจนถึงวันที่ 25 เมษายน ตามนโยบายเดิมของกรมราชทัณฑ์ที่ให้กักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน
แต่ในช่วงดังกล่าวได้มีนโยบายใหม่ให้กักตัวผู้ต้องขังแรกรับและผู้ต้องขังออกศาลเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 21 วัน ซึ่งอาจทำให้ผู้ต้องขังเกิดความเครียดจากการกักตัวที่ใช้ระยะเวลานานได้ จึงมีการผ่อนคลายโดยให้ผู้ต้องขังที่ออกจากห้องกักโรคได้ออกมาผ่อนคลายภายในแดนแรกรับ ซึ่งเป็นแดนที่เตรียมไว้สำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ เพื่อสังเกตโรค ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นระยะเวลาต่อเนื่องประมาณ 1-3 เดือน เพื่อให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายได้ปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในทัณฑสถาน
โดยการผ่อนคลายดังกล่าวอาจมีกิจกรรมเล็กน้อย เช่น การอ่านหนังสือ ซึ่งในแดนแรกรับดังกล่าวจะมีพื้นที่ครอบคลุมในส่วนของห้องกักโรค ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแดนแรกรับเช่นเดียวกัน โดยมีผู้ต้องขังทั้งแดนอยู่ที่ประมาณ 1,500 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังในแดนแรกรับทั้งหมดแบบ 100% ไม่ปรากฏว่ามีผู้ต้องขังรายใดที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งรวมถึงผู้ต้องขังที่พักร่วมห้องกับปนัสยาเอง ก็ไม่พบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล