วันนี้ (12 กันยายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 วาระพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยมี พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม
ช่วงหนึ่ง ศิริโรจน์ ธนิกกุล สส. สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงนโยบายแรงงานว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่นอกจากคำว่าทำให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงสวัสดิการที่เหมาะสม และคำว่าการเปิดรับแรงงานต่างด้าวแล้ว ไม่ได้กล่าวถึงพี่น้องแรงงานอีกเลย รวมถึงนโยบายที่เคยหาเสียงก็ไม่ถูกนำมาแถลง
“ประโยคที่ท่านเคยพูดว่าผมเดินทาง 60 วัน ไข้ขึ้นมา 11 วันแล้ว เหนื่อยยากขนาดนี้ผมไม่เอากระทรวงดีๆ ไปให้พวก…หรอก แต่สุดท้ายกระทรวงแรงงานกลับตกไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย นี่อาจหมายถึงกระทรวงแรงงาน กระทรวงที่ดีตามทัศนคติของนายกฯ ใช่หรือไม่ ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายเกี่ยวกับแรงงานที่ชัดเจน” ศิริโรจน์กล่าว
จากนั้นศิริโรจน์ได้หยิบเสื้อไรเดอร์สีเขียวขึ้นมาใส่พร้อมกล่าวว่า ตนไม่ได้มาประกวดชุดแฟนซีหรือแต่งเอาเท่ แต่ตนเคยเป็นไรเดอร์ส่งอาหารมาก่อน จึงมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับพวกเขา ตอนนี้มีหลายเจ้าที่ทำธุรกิจแข่งขันในตลาด มีจำนวนพนักงานมากถึง 400,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการปฏิบัติงาน ทางที่ดีที่สุดคือแก้กฎหมาย กำหนดนิยามของการจ้างงาน สัญญาจ้างที่เป็นธรรม มีสิทธิในการรวมตัวเป็นสหภาพ ตนอยากเห็นรัฐบาลชุดนี้นำปัญหาไปแก้ไขให้เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้
ศิริโรจน์กล่าวต่อว่า พื้นที่จังหวัดสมุทรสาครของตนเป็นเสมือนเมืองหลวงแรงงานข้ามชาติ ขณะนี้เกิดสุญญากาศทางกฎหมายทำให้แรงงานข้ามชาติไม่กลับประเทศ ทำให้เชื่อมโยงไปถึงเรื่องส่วย ทำให้โรงงานต้องจ่ายใต้โต๊ะในช่วงที่ต้องการแรงงานสูง นอกจากนี้ยังมีความยุ่งยากในการขึ้นทะเบียน
“สุดท้ายผมหวังว่า สิ่งที่ผมตั้งคำถามที่เคารพกับประธานสภาไปยังท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในวันนี้ พวกท่านจะมีคำตอบให้กับผมในทุกประเด็นอย่างชัดเจน เพื่อที่จะคลายความกังวลและสงสัยให้กับพี่น้องแรงงาน รวมไปถึงสิ่งที่พรรคของท่านได้หาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง จะไม่ใช่แค่การใช้เพื่อโฆษณาให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเท่านั้น แต่ท่านจะมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อให้พี่น้องแรงงานไทย เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนอยู่ดีกินดี มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ให้สมกับการเป็นนายกฯ ของประชาชน ไม่ใช่นายกฯ ส้มหล่นแบบที่ใครเขาว่ากัน” ศิริโรจน์กล่าว
จากนั้น วิทยา แก้วภราดัย สส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงการทำหน้าที่ของประธาน โดยระบุถึงการสวมเสื้อไรเดอร์ว่า ทุกอย่างที่เอาเข้าไปในห้องประชุมต้องได้รับการอนุญาตจากท่านประธานรัฐสภา แต่ประธานก็ผ่อนปรนจนไร้ระเบียบวินัย การอภิปรายต้องไม่ซ้ำซาก ไม่เสียดสีให้ใครเสียหาย และต้องไม่อ่านเอกสารโดยไม่จำเป็น ขอให้ประธานเคร่งครัดมีวินัย ไม่เช่นนั้นประชาชนและเยาวชนที่อยู่ข้างนอกก็จะมีนิสัยไร้ระเบียบเพราะมีเราเป็นแบบอย่าง
จากนั้น สรัสนันท์ อรรณนพพร สส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ก็ลุกขึ้นประท้วงว่า สมาชิกใส่ร้ายเสียดสีว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลส้มหล่น ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน พรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อให้เราจัดตั้งรัฐบาล และขอให้พรรคก้าวไกลกำชับสมาชิกทุกท่านถึงถ้อยคำรัฐบาลส้มหล่นด้วย
ทำให้ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า คำว่า ‘นายกฯ ส้มหล่น’ ที่สมาชิกอภิปรายนายกฯ เศรษฐา ก็สามารถใช้สิทธิพาดพิงเองได้ สส. เกี่ยวอะไร พร้อมประท้วงวิทยาว่า การสวมเสื้อเพื่อแสดงออกถึงอาชีพไรเดอร์ผิดอะไร
ขณะที่วิทยายืนยันว่า ไม่เคยตำหนิอาชีพไรเดอร์ แต่ประท้วงเรื่องข้อบังคับ กระทั่งพรเพชรยอมรับว่า ตัวเองผ่อนปรนและไม่เคร่งครัดในบางส่วน ส่วนการอ่านเนื้อหาจาก iPad นั้นโลกนี้เป็นอย่างนั้นไปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้ แต่ขอสมาชิกอย่าอ่านมาก ส่วนคำพูดว่า ‘ส้มหล่น’ นั้นขอให้ช่วยถอนคำพูด ซึ่งต่อมาวิโรจน์ขอถอนคำพูดว่า ส้มหล่น และเปลี่ยนเป็นคำว่า ส้มทั้งแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม สรัสนันท์ได้ประท้วงอีกครั้งว่า วิโรจน์ยังไม่ถอนคำพูด และวิโรจน์ได้บอกว่า สรัสนันท์ควรถอนคำพูดมากกว่าเพราะพูดเยอะที่สุด
ต่อมา พัฒนา สัพโส สส. ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงให้ประธานควบคุมการประชุม โดยระบุว่า ให้เกียรติทางน้องๆ อยากให้วิโรจน์ถอนคำพูดจะได้จบแล้วเดินต่อ จนวิโรจน์สวนขึ้นมาว่า “ไม่เคยมีพี่ชายสันดานแบบนี้” ก่อนที่พรเพชรจะปิดไมโครโฟนของทุกคน และให้วิโรจน์ถอนคำว่า ‘สันดาน’ และต่อมาวิโรจน์ก็ยอมถอน
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นชี้แจงโดยระบุว่า ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง ยังเช้าอยู่เลย วันนี้เราอยู่ดึก พร้อมขอให้วิโรจน์ยิ้มแย้มบ้าง สมาชิกบางท่านยังทำหน้าขึงขังอยู่เลย ทั้งนี้ ไทยเป็นประเทศที่โชคดีเพราะเป็นที่ต้องการของแรงงาน และมีอัตราการว่างงานต่ำกว่า 1% แต่ถือเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายเพราะเรามีงานทำแต่ความต้องการมีมาก ฉะนั้น จำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าว โดยจะต้องดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรี ความปลอดภัย และความมั่นคงที่พึงจะได้
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำที่หลายคนเป็นห่วงเกี่ยวกับความเหมาะสมกับการใช้จ่ายในปัจจุบัน จะได้มีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่าย คือ แรงงาน ผู้ว่าจ้าง และรัฐบาล เพื่อปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสม โดยมีเป้าหมายที่ 400 บาทให้เร็วที่สุด