วันนี้ (11 กันยายน) ที่ประชุมร่วมกันของสมาชิกรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 746 คน แบ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
วรโชติ สุคนธ์ขจร สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปรายนโยบายของรัฐบาลว่า ตนเองได้อ่านคำแถลงนโยบายของรัฐบาลทุกข้อความ พร้อมยอมรับว่านโยบายของรัฐบาลครอบคลุมทุกภาคส่วน ทุกกลุ่มสำหรับประชาชน แต่ตนเองยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งไปถึงรัฐบาลเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการของรัฐ
วรโชติอภิปรายต่อว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายในการหาเสียงคือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท สำหรับนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญของประชาชน ซึ่งตนเองต้องตอบคำถามจากประชาชนในทุกครั้งที่ลงพื้นที่โดยตนก็ได้ยืนยันว่าทางรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจะไม่ทอดทิ้งในนโยบายนี้ เงินจำนวน 600, 700 หรือ 800 บาทมีความสำคัญกับพี่น้องในพื้นที่ชนบท ยังเฝ้ารอว่าจะมีวันไหนที่เงินเข้าบัญชี ความเดือดร้อนของประชาชนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งไม่ถูกกำหนดอยู่ในนโยบายของรัฐบาล ตนเองจึงอยากให้นำไปพิจารณาเพิ่มเติม
“บางครอบครัวของพี่น้องในพื้นที่ชนบทดีใจมากที่วันนี้จะได้ใช้บัตรประชารัฐไปกดเอาสิ่งของในร้านค้า จึงต้องฝากท่านนายกฯ นำไปพิจารณาและทบทวนว่าสมควรที่จะให้บัตรประชารัฐยังคงอยู่ บัตรทั้งสองใบเป็นชีวิต มีคุณค่า มีความหมายกับพี่น้องประชาชนในชนบท และผมคิดว่าผู้สูงอายุทุกท่านก็รอคอย พี่น้องทุกคนก็รอคอย บัตรประชารัฐ 700 บาท หากไม่เพิ่มก็ขอให้คงอยู่ หรือเพิ่มนิดหน่อยก็จะขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีมาก”
วรโชติอภิปรายถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าหากนโยบายดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงๆ ตนเองอยากจะอภิปรายเพิ่มเติมว่าเงื่อนไขที่จะใช้จ่ายขอให้ง่ายและครอบคลุมมากกว่านี้ ขณะเดียวกัน เงินจำนวน 10,000 บาท ต้องใช้ให้หมดภายในระยะเวลา 6 เดือน ตนเองไม่แน่ใจว่าจะสามารถใช้หมดได้หรือไม่ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลคิดหลักเกณฑ์และดูความจำเป็นในการใช้จ่ายให้ครอบคลุมและใช้ง่ายกว่านี้