×

สื่อมอบฉายารัฐสภา 2568 สส. ‘รังหนอนสีเทา’ กับ สว. ‘รังของหนู’

โดย THE STANDARD TEAM
29.12.2025
  • LOADING...
สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’

ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง ‘ฉายาสภา’ เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2568 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด

 

ทั้งนี้ ปีนี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภามีมติงดตั้งฉายา ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’, ‘ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร’ และ ‘ดาวเด่น’ เนื่องจากอยู่ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง จึงกังวลว่าหากตั้งฉายาไปแล้วอาจถูกนำไปโจมตีกันได้ หรือเสี่ยงต่อกฎหมายเลือกตั้ง เพราะเป็นการให้คุณให้โทษกับผู้ถูกพูดถึง หากบุคคลนั้นลงสมัครรับเลือกตั้ง

 

‘สภาผู้แทนราษฎร’ ได้รับฉายา ‘รังหนอนสีเทา’

 

สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’ 1

 

หากเปรียบสภาฯ เป็นร่างกายที่เป็นตัวแทนของประชาชน ในปีนี้ถูกมองว่ามีการกัดกินผลประโยชน์ภายในร่างกายเราจนเน่าเฟะ สส. หลายคนถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและการทำหน้าที่ที่ไม่ยึดโยงกับประโยชน์ส่วนรวม แต่กลับมุ่งเน้นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เหมือนหนอนที่รุมชอนไชอยู่ภายในซากที่รอวันเสื่อมสลาย อีกทั้งที่ผ่านมาเรามักจะเห็นคำว่า ‘งูเห่า’ เกิดขึ้นในสภา แต่ระยะหลัง สส. ที่ถูกมองเป็นงูเห่าไม่กล้าเผยตัว แต่ไปแฝงในพรรคการเมืองต่างๆ เปรียบเหมือนกับ ‘หนอน’ ที่แฝงอยู่ในนั้น เพื่อเอื้อประโยชน์ในเชิงนโยบายหรือโครงการต่างๆ ร่วมกัน เป็นการทำธุรกิจการเมืองแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยแทบไม่มีคำว่าประชาชนอยู่ในสมการแม้แต่นิดเดียว 

 

ส่วนคำว่า ‘สีเทา’ สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักการเมืองที่อยู่ในสภาฯ ไม่มีใครขาวสะอาดอย่างแท้จริง เพราะปรากฎข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับผลประโยชน์ทับซ้อนในระดับที่กฎหมายอาจเอื้อมไม่ถึง จนทำให้ภาพลักษณ์ของสภาฯ ในปีนี้ ถูกมองว่าไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ แต่มุ่งแสวงหาอำนาจให้กับตนเองและพวกพ้อง ดังนั้น ‘รังหนอนสีเทา’ จึงหมายถึง สภาฯ ที่รวบรวมเหล่านักการเมืองที่ขาดความสง่างาม มุ่งเน้นการกัดกินงบประมาณและอำนาจผ่านการดีลผลประโยชน์ข้ามขั้ว โดยไม่สนจุดยืนทางการเมืองและหน้าที่ของตนเอง

 

‘วุฒิสภา’ ได้รับฉายา ‘รังของหนู’

 

สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’ 2

 

วุฒิสภาเปรียบเสมือนที่รวมบุคคลต่างๆ ซึ่งมาจากหลายสาขาอาชีพ แต่พฤติกรรมของวุฒิสภากลับถูกมองว่าเป็นคนของผู้มีอำนาจ และอยู่ภายใต้พรรคการเมืองหนึ่ง เปรียบเหมือนหนูที่อยู่ในรัง ที่มีการจับกลุ่มกันจนถูกตั้งข้อครหาว่า ‘พวกมากลากไป’ ใช้กลไก ‘จริยธรรม’ เล่นงานเสียงข้างน้อยให้ไม่มีที่ยืน แม้รัฐบาล ‘นายกฯ หนู’ จะอ้างว่าไม่สามารถสั่ง สว. ชุดนี้ได้ แต่เสียงข้างมากก็ยังไม่มีแตกแถว เดินหน้าโหวตองค์กรอิสระรัวๆ แม้จะมีข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือทำเพื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งก็ไร้ความสะทกสะท้าน

 

มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา ‘หมงล้งบุรีรัมย์’

 

สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’ 3

 

‘เฮียหมง’ หรือ ‘เสี่ยหมง’ ชื่อเล่นที่ภูมิใจของ ‘มงคล สุระสัจจะ’ ประธานวุฒิสภา สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดูจะมีความสุขและเชี่ยวชาญกับบทบาท ‘เถ้าแก่ล้งผลไม้’ มากกว่าการเป็นประมุขสภาสูง ผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ไม่ใช่การขับเคลื่อนงานวุฒิสภา แต่คือการสวมบทบาทเถ้าแก่ล้งผลไม้พรีเซนต์ ‘ทุเรียนน้ำแร่’ ของดีบุรีรัมย์ และมังคุดเกรดเอระดับพรีเมียม อย่างน้ำไหลไฟดับ จนทำให้ยอดขายถล่มทลาย แต่พอไมค์จ่อปากถามถึงประเด็นร้อนทางการเมือง มงคลมักจะเกิดอาการ ‘โรคกลัวดอกพิกุลจะร่วง’ ทันที ไม่ยอมพูดยอมจาพร้อมเอ่ยปากด้วยวลีเด็ด “ประธานต้องเป็นกลาง เขาไม่ให้พูด” ต่างจากตอนขายทุเรียนลิบลับ จนถูกมองว่าเป็นเสี่ยล้งผลไม้มากกว่าประมุขสภาสูง

 

‘ดาวดับ’

 

 

สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 3 คนได้แก่ มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา, อลงกต วรกี สว. และ เศรณี อนิลบล สว. เนื่องจากในกรณีของมงคลจะสอดคล้องกับฉายาประธานวุฒิสภาคือ ‘หมงล้งบุรีรัมย์’ ที่ผลงานเด่นชัดไม่ใช่การทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา

 

ส่วนอลงกตที่พยายามทำตัวเด่นไม่ว่าจะเป็นดรามาแกล้งร้องไห้ล้อเลียนเพื่อน สว. ด้วยกัน หรือให้สัมภาษณ์สื่อด้วยภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน รวมถึงท่าทางจีบปากจีบคอ แต่กลับทำให้บุคคลภายนอกมองว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับการเป็นสมาชิกวุฒิสภา

 

ขณะที่เศรณีก็ถือเป็นดาวดับอีกคน เพราะมีพฤติกรรมที่ถูกเผยแพร่ทางโซเชียลด่ากราดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา หลังทางเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้เปิดกระจกเพื่อตรวจสอบรถเข้า-ออก อาคารรัฐสภาตามหน้าที่ปกติ แต่เศรณีกลับแสดงความไม่พอใจ ใช้ถ้อยคำต่อว่าหยาบคายอย่างรุนแรง รวมถึงชี้หน้าข่มขู่ แม้ภายหลังจะออกมาชี้แจงแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้เศรณีดูดีขึ้น

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภายังเห็นควรให้ฉายาดาวดับกับ ธนกร ถาวรชินโชติ สว. ด้วย เนื่องจากถูกศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ตัดสินจำคุก 4 ปีในคดีลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท รวมถึงกรณีที่ธนกรถูกอดีตสาวคนสนิทยื่นสอบจริยธรรมต่อคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ แม้ทั้งสองเหตุการณ์จะยังไม่มีการตัดสินจนถึงที่สุด แต่ในฐานะสมาชิกสภาสูงก็ไม่สมควรมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

 

‘วาทะแห่งปี’ ได้แก่ 

 

สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’ 5

 

“วันนี้เราไม่ได้เลือกคุณอนุทินมาบริหารประเทศ เราเลือกคุณอนุทิน ชาญวีรกูล มายุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกัน” 

 

โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอภิปรายปิดท้ายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ คนที่ 32 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 

 

‘เหตุการณ์แห่งปี’

 

สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’ 6

 

ได้แก่ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 พรรคประชาชนโหวตเลือก อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากคลิปสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา 

 

ซึ่งภายหลังจากที่อนุทินได้รับโหวตเป็นนายกฯ ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อมา คือในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 วาระพิจารณากำหนดร่างหลัก ในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่ … พ.ศ. …) หลังจากที่ที่ประชุมลงมติรับหลักการ ร่างของ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ ซึ่งเสนอให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และร่างของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ที่เสนอให้มี สสร. มาจากการเลือกตั้งบางส่วน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการสรรหาเพื่อถ่วงดุล โดยที่ประชุมรัฐสภามีมติ 300 ต่อ 287 เสียง เห็นชอบให้ใช้ร่างของพริษฐ์เป็นร่างหลักในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมาการพิจารณากฎหมายต่างๆ ร่างของรัฐบาลมักจะชนะ แต่ครั้งนี้กลับเป็นร่างของพรรคฝ่ายค้านที่ชนะ 

 

จนนำมาสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งคือในวันที่ 11 ธันวาคม  2568 ระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 เกี่ยวกับการตัดอำนาจ สว. 1 ใน 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคประชาชนต้องการให้ตัด แต่ สว. ส่วนใหญ่คัดค้าน และดูเหมือนเสึยงส่วนใหญ่จะเห็นชอบไม่ให้ตัดอำนาจ สว. ออก ทำให้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แก้ปัญหาด้วยการลุกอภิปรายว่า หากไม่ตัดอำนาจ สว. 1 ใน 3 ออก อนุทินก็ควรยุบสภาไปเลย ทำให้อนุทินประกาศยุบสภาทันทีโดยมีผลในวันที่ 12 ธันวาคม 1568 โดยอ้างเหตุผลว่า ยุบสภาตามที่ณัฐพงษ์บอก และตามเอ็มโอเอว่าเลือกอนุทินมาเพื่อยุบสภาผู้แทนราษฎร

 

คู่กัดแห่งปี 

 

สื่อมอบฉายา **รัฐสภา** 2568 **สส.** ‘รังหนอนสีเทา’ กับ **สว.** ‘รังของหนู’ 7

 

ได้แก่ คู่ของ สว. พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ และ สว. นันทนา นันทวโรภาส แม้จะเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ถือว่าอยู่กันคนละขั้ว และในการประชุมวุฒิสภาทั้งคู่มักจะมีวิวาทะกันตลอด ไม่ว่านันทนาจะอภิปรายวาระอะไร พิสิษฐ์มักจะลุกขึ้นโต้แย้งด้วยเหตุผลในมุมของตนเองอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในวาระพิจารณาเลือกองค์กรอิสระต่างๆ ที่นันทนามักจะขอให้วุฒิสภาชะลอการลงมติไว้ เนื่องจากวุฒิสภายังมีเอี่ยวในเรื่องคดีฮั้ว สว. อยู่ เกรงว่าอาจจะมีความไม่ชอบธรรมอยู่ตลอดเวลาที่มีวาระดังกล่าวเข้า แต่ก็ถูก สว. พิสิษฐ์ ลุกขึ้นสวนกลับทุกครั้ง ถึงขั้นไล่นันทนาออกจากห้องประชุม และให้นันทนาไปหาหมอ เพราะเป็นห่วงว่าจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ขณะที่นันทนาเมื่อออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวก็มักจะเหน็บแนมพิสิษฐ์เป็นประจำ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising