วันนี้ (24 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายถึงร่างราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (รธน.) ว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยได้มีการพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันครบรอบ 89 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดกำเนิดระบบรัฐสภา วันที่ไพร่ฟ้าเปลี่ยนมาเป็นพลเมือง ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพเสมอกัน
พิธากล่าวอีกว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ยังเป็นจุดกำเนิดของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราได้มาอภิปรายกันในวันนี้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของรัฐธรรมนูญหลังจากเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 นั้นปรากฏอยู่ในมาตราแรกที่บัญญัติไว้อย่างอย่างเรียบง่ายคือ อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย นี่คือเจตจำนงที่ต้องการจะเปลี่ยนระบบการเมืองจากระบบเจ้าชีวิตมาสู่ระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ สร้างสถาบันการเมืองที่ยึดโยงกับอำนาจสูงสุดของราษฎรหาใช่อำนาจที่ทำนาบนหลังราษฎร เป็นหลักการที่เรียบง่ายแต่สำคัญยิ่งในการปกครองแบบประชาธิปไตย
ผ่านไปเกือบ 90 ปี มาจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2564 เจตจำนงสำคัญในรัฐธรรมนูญก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะแรงต้าน การแย่งชิงอำนาจ การทำรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า จึงทำให้สังคมไทยยังย่ำอยู่กับที่เหมือนวงจรอุบาทว์ ครั้งแรกที่เกิดการรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญคือปี 2490 ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบของการยึดอำนาจในประเทศไทย จากนั้นเรื่อยมาก็ได้มีการทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากยังไม่พอใจก็ทำรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์โดยไม่รู้จบ
วุฒิสภาที่เรารู้จักกันในวันนี้ก่อกำเนิดขึ้นจากการทำรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญ เราถูกสอนให้จำกันมาผิดๆ ว่าวุฒิสภามีหน้าที่ในการช่วยกลั่นกรองกฎหมาย แต่แท้จริงแล้ววุฒิสภาไทยก็คือหนึ่งในกลไกที่คอยกดทับอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งให้อยู่ข้างใต้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งมีเพียงครั้งเดียวที่สมาชิกวุฒิสภานั้นมาจากการเลือกตั้งก็คือวุฒิสภาภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 แต่สุดท้ายก็ต้องมาจบด้วยการปฏิรูปเมื่อปี 2549 จากนั้นประเทศไทยก็ถอยหลังลงคลองอยู่เรื่อย และมาจบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.
ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญ ประสบการณ์ที่ดีที่สุดของสังคมไทยก็คือการจัดทำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 การปฏิรูปการเมืองและการจัดทำรัฐธรรมนูญในครั้งนั้นถูกออกแบบด้วยโจทย์และสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งตอนนั้นเราก็เชื่อว่าทหารได้กลับเข้ากรม เข้ากองกันเรียบร้อยแล้ว คิดว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแล้ว
ปัญหาในตอนนั้นของการเมืองไทยก็เหลือเพียงการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง พรรคการเมือง ไม่มีความเป็นสถาบันและรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นรัฐธรรมนูญ ปี 2540 จึงพยายามออกแบบโดยให้เน้นระบบ 2 พรรคการเมืองใหญ่ภายใต้การกำกับควบคุมขององค์กรอิสระต่างๆ และผลของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ประสบผลสำเร็จ ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการแข่งขันเชิงนโยบาย จากนั้นก็เกิดการทำรัฐประหารอีกครั้งในปี 2549 จนถึงวันนี้ ซึ่งหากจะพูดภาพรวมนั้นสามารถบอกได้ว่าชนชั้นนำกลุ่มหนึ่งไม่ยอมให้อำนาจสูงสุดเป็นของพี่น้องประชาชนโดยการแสดงผ่านอำนาจการเลือกตั้งในระบบรัฐสภา
พิธากล่าวว่า ทั้งนี้ ตลอดการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติม 2 วันที่ผ่านมา เราเถียงกันผิดโจทย์ เราหาคำตอบกันผิดคำถาม ประเด็นที่เราควรนำมาเป็นโจทย์ในการพิจารณาถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้และในอนาคตข้างหน้าคือ อำนาจที่สูงสุดของประเทศนี้เป็นของใคร ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ยังไม่ลงตัว นับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2475 จนถึงปัจจุบัน เราก็ยังเถียงกันไม่จบว่าปัญหาใจกลางเมืองไทยไม่ใช่งบประมาณของ ส.ส. ไม่ใช่เรื่องสิทธิและเสรีภาพที่เป็นเพียงกระดาษเปื้อนหมึก ไม่ใช่เรื่องระบบเลือกตั้งที่หวังให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากที่สุด ซึ่งเราเลือกตั้งมาได้คะแนนมากเพียงใดเราก็เป็นเพียงแค่เด็กขี่ม้า ซึ่งม้าจะพยศเมื่อไหร่ก็ได้ตามคำสั่งของเจ้าของม้า
ตราบใดที่เราแก้ปัญหาใจกลางนี้ไม่ได้ เราก็จะไม่สามารถหลุดออกจากหลุมดำทางการเมืองไปได้และสังคมไทยที่เรารักก็จะไม่มีศักยภาพ ไม่มีสมาธิเพียงพอในการพัฒนายุทธศาสตร์ของชาติ และเราจะไม่มีเวลาที่เพียงพอในการคิดเพื่อช่วยเหลือคนตัวเล็กตัวน้อย และนายทุนผูกขาดที่เกาะแน่นกับการเมืองที่ผูกขาด และเราจะไม่มีเวลาที่จะไปนึกถึงเรื่องของสวัสดิการถ้วนหน้า
เมื่อมองเห็นการเมืองที่เป็นจริงแค่นี้ ตนและพรรคก้าวไกลจึงเสนอให้รัฐสภาเร่งเดินหน้าจัดทำประชามติเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดยให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้แสวงหาฉันทามติร่วมกันว่า ระบบการเมืองแบบไหนที่เรายอมรับกันได้และพร้อมที่จะอยู่ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าความคิด ความฝัน อุดมการณ์จะแตกต่างกันมากเพียงใดก็ตาม
และสำหรับการลงมติเฉพาะหน้าในวันนี้ ตนและพรรคก้าวไกลขอเชิญชวนให้สมาชิกรัฐสภาผู้ที่ยังห่วงใยในอนาคตของบ้านเมืองเราช่วยกันโหวตเพื่อหยุดแผนการแก้รัฐธรรมนูญและต่ออายุให้ระบอบประยุทธ์ มาร่วมมือร่วมใจกันหมดเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. เพื่อเปิดประตูบานแรกในการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนให้ได้ หากเราไม่สามารถปิดสวิตช์ ส.ว. ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในรอบนี้จะไม่มีความหมาย จะเป็นเพียงแค่ละครตบตาประชาชนฉากใหญ่เท่านั้น
ท้ายที่สุดจึงขออวยพรผ่านไปยังผู้มีอำนาจทุกท่านที่เชื่อว่าตนเองจะสามารถเหนี่ยวรั้งเข็มนาฬิกาไว้ได้ อวยพรให้ท่านมีอายุยืนเพียงพอที่จะเห็นความพยายามของท่านล่มสลายไม่มีชิ้นดี เห็นความต้องการของท่านถูกบดขยี้ด้วยกงล้อของเวลาที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งและได้มีโอกาสรับรู้กับตากับหูของท่านเองว่าผู้คนและยุคสมัยจะตราหน้าทุกท่านว่าอย่างไรไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น