วันนี้ (3 มกราคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียถึงความสำเร็จและความคืบหน้าในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเปิดเผยว่า ขณะนี้เว็บไซต์ของรัฐสภายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าประธานรัฐสภาตัดสินใจบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่เสนอโดยพริษฐ์และพรรคประชาชน เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยประชามติ 2 ครั้ง เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา (https://shorturl.at/WYQWJ)
พริษฐ์ชี้ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของประธานรัฐสภาเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาประธานรัฐสภาไม่เคยบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา เนื่องจากตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ว่าต้องทำประชามติก่อน 1 ครั้ง จึงจะสามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมได้ ทำให้ต้องทำประชามติเพิ่มเป็น 2 ครั้ง แม้พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และนักวิชาการหลายฝ่ายจะเห็นต่าง
พริษฐ์ระบุด้วยว่า ช่วงต้นปี 2567 พรรคเพื่อไทยขอมติจากรัฐสภาให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่าประธานรัฐสภาสามารถบรรจุระเบียบวาระดังกล่าวได้หรือไม่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถอดใจและยอมเดินตามเส้นทางประชามติ 3 ครั้ง ด้วยเงื่อนไขว่าจะไม่ทำประชามติครั้งแรกจนกว่าจะแก้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติเสร็จ แต่การแก้ไขก็ยืดเยื้อ เนื่องจากความเห็นต่างระหว่าง สส. กับ สว. ทำให้เวลาถูกเพิ่มไปอีก 180 วัน
อย่างไรก็ตาม พริษฐ์มองว่าทุกฝ่ายสามารถลองพยายามลดจำนวนการทำประชามติได้ จึงใช้เวลารวบรวมหลักฐานใหม่ๆ ที่คณะกรรมการของประธานรัฐสภาที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายไม่เคยพิจารณามาก่อน เพื่อโน้มน้าวว่าการทำประชามติ 2 ครั้ง ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เช่น การรวบรวมคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน, การรวบรวมความเห็นนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และการขอเข้าพบประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหารืออย่างไม่เป็นทางการ
จากนั้นตนเองและพรรคประชาชนจึงยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยประชามติ 2 ครั้ง เข้าสู่รัฐสภาอีกครั้ง และหลังจากหารือกับคณะกรรมการของประธานรัฐสภาก็สามารถโน้มน้าวได้สำเร็จ จนทำให้คณะกรรมการของประธานรัฐสภาหันมามีมติเสียงข้างมากให้บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอการทำประชามติ 2 ครั้ง จนนำมาสู่การที่ประธานรัฐสภาบรรจุร่างดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“การฝ่าด่านแรกนี้สำเร็จนับเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ เพราะเป็นด่านที่เรายังไม่เคยฝ่าฟันสำเร็จมาก่อนตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่ในวันที่ 14-15 มกราคม 2568 เราจะต้องเผชิญกับด่านที่สองต่อทันที นั่นคือการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวที่เสนอการทำประชามติ 2 ครั้ง การจะฝ่าด่านนี้ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนของทั้ง สส. และเสียงอย่างน้อย 1 ใน 3 ของ สว.” พริษฐ์ระบุ
พริษฐ์มองว่าการได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส. คาดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งควรผูกมัด สส. รัฐบาลทุกพรรค แต่คาดว่าเสียงสนับสนุนจาก สว. น่าจะท้าทายกว่า
“หากความเห็นต่างระหว่างสองสภามีเส้นแบ่งเดียวกันกับความเห็นต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล บุคคลที่จะต้องลุกขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการแสวงหาเอกภาพระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือเอกภาพระหว่างสองสภา ก็หนีไม่พ้นนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าของรัฐบาลผสมนี้” พริษฐ์ระบุ
พริษฐ์ทิ้งท้ายว่า รอดูกันว่าใน 12 วันข้างหน้านี้ นายกรัฐมนตรีจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความจริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร เพื่อทำให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันผลักดันนโยบายเรือธงของรัฐบาลเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ประสบความสำเร็จตามที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน
