เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่ามารายงานความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
ส่วนกรณีที่ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี ให้ทบทวนหลักเกณฑ์โครงการดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการออกหนังสือเตือน แต่เป็นเพียงการเสนอความคิดเห็น ซึ่งทุกอย่างจะยังคงเดินหน้าตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีอะไรสะดุด เดินหน้าเต็มที่
เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ที่ผู้ว่าการ ธปท. ออกมาจี้ทบทวนหลักเกณฑ์ดังกล่าว เผ่าภูมิกล่าวว่า เป็นความเห็นที่นำมาพิจารณาหลายครั้ง โดยได้นำความเห็นดังกล่าวมาพูดคุยหลายครั้งมากๆ และมีความเห็นร่วมกันในคณะกรรมการ ก่อนที่จะเสนอมายังคณะรัฐมนตรีวานนี้ (23 เมษายน) และอนุมัติโครงการ
ต่อคำถามที่ว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมายใช่หรือไม่ เผ่าภูมิยืนยันว่ามีการดูเรื่องข้อกฎหมายเป็นอย่างดี ซึ่งตัวกฎหมายเองไม่ได้มีอะไร แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ถึงแหล่งที่มาของงบประมาณ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่ติดอะไร และทางกฤษฎีกาก็ไม่ได้มีการท้วงติงถึงข้อกฎหมายให้ระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษ พร้อมยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะส่งให้กฤษฎีกาตีความอีกครั้งเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เพื่อดูถึงความถูกต้องของข้อเสนอต่างๆ และยืนยันได้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์
เมื่อถามว่า ส่งให้กฤษฎีกาพิจารณาเรื่องกฎหมายได้ช่วงใด เผ่าภูมิกล่าวว่า เรื่องที่จะส่งให้กฤษฎีกาตีความ คือเรื่องอำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส. ซึ่งยังไม่ได้รีบ อยู่ในส่วนของกรอบโครงการ แหล่งที่มาของเงิน ที่ต้องชงไปยัง ธ.ก.ส. ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งยังไม่ใช่ช่วงนี้ และตัวโครงการก็ดำเนินการไปเรื่อยๆ รวมถึงการพัฒนาระบบก็เดินไปเรื่อยๆ ธ.ก.ส. ก็ยังมีเวลา
เมื่อถามต่อถึงความคืบหน้าการพัฒนาระบบซูเปอร์แอปที่จะมาใช้ในโครงการ เผ่าภูมิกล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์
เมื่อถามว่าจะไม่กลับมาใช้แอปเป๋าตังแล้วใช่หรือไม่ เผ่าภูมิกล่าวว่า จะมีการพัฒนาระบบร่วมกับแอปเป๋าตัง ส่วนหน้าตาของแอปนั้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ระบบลงทะเบียน และระบบการใช้งาน ซึ่งก็จะเป็นแอปพลิเคชันใหม่ขึ้นมา พร้อมยืนยันว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ง่ายและจะยิ่งง่ายกว่าเดิม เนื่องจากมีการเชื่อมกับระบบธนาคารที่มีอยู่แล้วและวอลเล็ต รวมถึงมีการเตรียมระบบรองรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว
ปลัดคลังลุยเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตตามแผนเดิม
ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีให้ทบทวน พร้อมตั้งข้อสังเกตในโครงการ เติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถให้ความเห็นมาได้ ทั้งเห็นด้วยและมีข้อทักท้วง ซึ่งเราก็รับฟัง และการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้มีการพิจารณาเรื่องของหลักการและขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ไป แต่ละขั้นตอนก็มีระเบียบและกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามนั้น
“ความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้ส่งผลให้โครงการดังกล่าวสะดุดลง และขณะนี้ยังมีเวลาในการพิจารณา ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเริ่มดำเนินการได้แล้ว เนื่องจากได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ลวรณกล่าว
ส่วนความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาระบุว่า ขอให้ลดกลุ่มเป้าหมายเหลือเพียงกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยประมาณ 15 ล้านคน จะนำข้อเสนอดังกล่าวมาพิจารณาด้วยหรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลังระบุว่า ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเคยให้ความเห็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น จนผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบาย โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่ากลุ่มใดเป็นผู้ที่เหมาะ ซึ่งได้ผ่านขั้นตอนนั้นไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นมาก็เป็นข้อเสนอแนะเดิมที่เคยพูดในที่ประชุมมาโดยตลอด ไม่มีอะไรเป็นประเด็นใหม่ ซึ่งในที่ประชุมก็ได้มีการชี้แจงต่อข้อกังวลธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่าจะมีการชี้แจงต่อธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้งหรือไม่ ลวรณยืนยันคำเดิมว่า ได้มีการชี้แจงต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าผู้ว่าการ ธปท. จะไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมก็ตาม ทั้งนี้ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากเราพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ขณะที่คณะกรรมการท่านอื่นๆ อีก 20 กว่าคนก็ไม่ได้มีความเห็นเช่นนี้
“ยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินหน้าต่อตามแผนเดิม ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ”
ส่วนจะมีการส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าเกี่ยวข้องกับข้อกังวลของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลังยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง และชี้แจงเพิ่มว่าเป็นเรื่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าต้องทำด้วยความรอบคอบ ในประเด็นที่เราเห็นว่าไม่มีความชัดเจนก็ให้มีการปรึกษากฤษฎีกาในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการส่งเรื่องดังกล่าวไปยังกฤษฎีกาแต่อย่างใด
พร้อมกับระบุว่า การใช้งบประมาณจากธนาคาร ธ.ก.ส. ตามมาตรา 28 ปีงบประมาณ 2568 จะสามารถดำเนินการได้ในเดือนตุลาคม ซึ่งถือว่ายังคงมีเวลาอยู่