วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่รัฐสภาชั่วคราว อาคารทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีถ่ายรูปวันรับปริญญาซึ่งมีการเชื่อมโยงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเป็นการโพสต์เฟซบุ๊กสมัยเรียนจบใหม่ๆ ซึ่งช่วงนั้นในยุคที่เป็นนิสิตเข้าไปเรียนปี 1 ในช่วงปี 2549 ซึ่งเข้าไปเรียนไม่กี่เดือนก็เกิดการรัฐประหารขึ้นในเดือนกันยายน
ส่วนช่วงที่จบการศึกษาก็เป็นช่วงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมษายนและพฤษภาคม 2553 ดังนั้นตลอด 4 ปี ความสนใจทางการเมืองของตนเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเด็กรัฐศาสตร์ ไม่ใช่แค่เฉพาะในจุฬาฯ ก็มีความตื่นตัวทางการเมืองอย่างมาก
ส่วนรูปภาพที่มีการเชื่อมโยงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นคงแล้วแต่การตีความ แต่หลายท่านคงเคยผ่านรูปการรับปริญญามาแล้ว ซึ่งมีเป็นร้อยเป็นพันท่วงท่า
แต่ภาพที่เกิดปัญหานั้น ยอมรับว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ภาพมีความไม่เหมาะสมและเกิดความไม่สบายใจ และต้องขออภัยหากภาพนี้ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ภาพนี้ทำให้เกิดข้อความที่ไม่สร้างสรรค์ขึ้น โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียที่มีการใช้วาทะสร้างความเกลียดชัง
โฆษกพรรคอนาคตใหม่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่เพื่อนและครอบครัวจะต้องมารับผลจากการโพสต์ภาพดังกล่าวลงในโซเชียลมีเดีย การที่ตนเสียหายนั้นไม่เป็นไร เพราะเป็นผู้กระทำเอง แต่การที่เพื่อนและครอบครัวต้องมารับผลกระทบด้วยนั้นเป็นสิ่งที่เสียใจที่สุด
“ช่อเชื่อว่าประเทศไทยมีจุดยืนร่วมกันแล้วในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจเข้ามาร่วมการเมืองในระบบรัฐสภา นั่นหมายความว่าพรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนที่ชัดเจนแล้วต่อการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าว
โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวด้วยว่า “ในสมัยที่เรายังเด็กกว่านี้ เราก็มีความคิดที่อาจจะเข้มข้นหรือมีความรุนแรงมากกว่านี้ เวลาผ่านไป การเดินทางของความคิดเราก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าย้อนกลับไปแก้ไขได้จะแก้ไขอะไรไหม ก็คิดว่าอดีตเป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบันเป็นเรื่องปัจจุบัน การตัดสินกันที่ปัจจุบันเป็นสิ่งที่วิญญูชนทำกัน”
ส่วนความคืบหน้าในการถูกดำเนินคดีนั้น จนถึงขณะนี้ส่วนตัวยังไม่ได้รับแจ้งจากตำรวจว่าจะมีการแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งต้องรอทางตำรวจแจ้งมาอย่างเป็นทางการ และส่วนตัวพร้อมเข้าไปชี้แจง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์