วันนี้ (6 กันยายน) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำแถลงผลการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ หลังจาก สส. กลุ่มธรรมนัส ประกอบด้วย ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา, ไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร, สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส. นราธิวาส, อรรถกร ศิริลัทธยากร สส. ฉะเชิงเทรา, บุญยิ่ง นิติกาญจนา สส. ราชบุรี และ บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ ยื่นลาออกจากกรรมการบริหารพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับรายชื่อบุคคลที่จะเป็นกรรมการบริหารพรรคนั้น ประกอบด้วย
- พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
- สันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1
- ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2
- ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3
- อุตตมะ สาวนายน รองหัวหน้าพรรคคนที่ 4
- สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 5
- ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 6
- ชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 7
- อภิชัย เตชะอุบล รองหัวหน้าพรรคคนที่ 8
- ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค
- พล.อ. กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ กรรมการและเหรัญญิกพรรค
- สมโภชน์ แพงแก้ว นายทะเบียนสมาชิกพรรค
กรรมการบริหารพรรค 12 คน ประกอบด้วย
- ยงยุทธ สุวรรณบุตร
- อัครวัฒน์ อัศวเหม
- สุธรรม จริตงาม สส. นครศรีธรรมราช
- กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส. หนองคาย (ใหม่)
- กาญจนา จังหวะ สส. ชัยภูมิ
- คอซีย์ มามุ สส. ปัตตานี (ใหม่)
- ทวี สุระบาล สส. ตรัง (ใหม่)
- วัน อยู่บำรุง (ใหม่)
- อนันต์ ผลอำนวย สส. กำแพงเพชร
- พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย
- ชาญกฤช เดชวิทักษ์
- ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี
กรรมการสรรหา 5 คน ประกอบด้วย
- สันติ พร้อมพัฒน์
- ไพบูลย์ นิติตะวัน
- ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
- ตรีนุช เทียนทอง
- พล.อ. กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์
พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐต่อไปนี้เป็นหนึ่งเดียว จะไม่มีการกลั่นแกล้งกันอีกแล้ว วิธีการบริหารจะปรับใหม่ โดยให้รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้คุมพื้นที่ เลขาธิการพรรคเป็นฝ่ายสนับสนุน พรรคพลังประชารัฐจะยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะทำเศรษฐกิจที่ทันสมัย ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชีวิตที่สดใสขึ้น ช่วยกันทำเพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็งต่อไป ประเทศชาติจะได้อยู่ดีมีสุข
ส่วนไพบูลย์กล่าวว่า สำหรับแนวทางหลักของการทำงานในฐานะเลขาธิการพรรคนั้น จากนี้จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เดิมทีตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะเข้าไปดูผู้สมัครเลือกตั้งทั่วประเทศ แต่หลังจากนี้งานหลักจะเป็นการปรับโครงสร้าง และสนับสนุนรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลการเลือกตั้งแต่ละส่วน โดยจะทำงานขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรค
ไพบูลย์กล่าวอีกว่า การที่มีกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 24 คน จะสร้างความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่น จะเดินก้าวไป ย้ำว่าชุดใหม่มีโครงสร้างที่เข้มแข็ง นอกจากมี สส. อดีตรัฐมนตรีจำนวนมาก และยังมีนักวิชาการที่มีความรู้ในสาขาต่างๆ ได้เข้าร่วมในจำนวนนี้ด้วย ส่วนแนวทางการดำเนินงาน เมื่อมีการประชุมครั้งต่อไปจะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง
ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น ไพบูลย์กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะทำให้ดีที่สุด และเชื่อว่าจะก้าวสู่พลังประชารัฐยุคใหม่ และขอให้ติดตาม ไม่ว่าจะนโยบายอนุรักษนิยมทันสมัย หรือการปกป้องสถาบันฯ ภายใต้การนำของ พล.อ. ประวิตร ต่อไป
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการเข้าไปทำหน้าที่ สส. ในสภาผู้แทนราษฎรอีกว่า พล.อ. ประวิตร ก็มีดำริอยู่บ่อยครั้งว่าจะเข้าสภาตามเวลาที่สะดวก แต่ก็ต้องติดตามต่อไปเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเชื่อว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้ง 24 คน กระตือรือร้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของการทำงานที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง
ส่วนชัยวุฒิกล่าวว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคครั้งนี้ไม่ได้ถือเป็นการรีแบรนด์ เพียงแต่ทำให้ชัดเจนในแนวทางการทำงานมากขึ้น ส่วนสมาชิกที่พร้อมสู้ไปกับพรรคก็มีความตั้งใจทำงานทางการเมือง คนที่ไม่อยู่ก็ออกไปแล้ว ซึ่งก็ชัดเจนว่าไม่ได้ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคย้ำถึงความเป็นหนึ่งเดียว แต่ภาพที่ปรากฏออกมาก็เป็นเรื่องมาโดยตลอดนั้น ชัยวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมือง มีหลายคนหลายกลุ่มมาอยู่ด้วยกันก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่ไม่อยากให้มองที่พรรค เพราะพรรคอื่นก็มีปัญหาแบบนี้ อยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งรอบนี้ก็ไม่ได้เกิดจากภายในพรรคอย่างเดียว แต่เกิดจากคนภายนอกเข้ามาครอบงำสั่งการ จากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีคนภายนอกมาสร้างเงื่อนไข สร้างความแตกแยกภายในพรรค ถ้าภาษาการเมืองก็จะเรียกว่าดูดหรืองูเห่า แบบนี้ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายทางการเมือง
ขณะที่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคพลังประชารัฐนั้น ชัยวุฒิกล่าวว่า ขอดูต่อไป อย่างการประชุมในวันนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการทำงาน ส่วนการตรวจสอบรัฐบาลมีหลายช่องทาง ทั้งในสภา การอภิปราย ก็คงทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยย้ำว่า หลังจากนี้เมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่ต้องเกรงใจกัน
ส่วนการที่พรรคประชาชนบอกว่า “เวลคัมลุงป้อม” ชัยวุฒิกล่าวว่า พรรคที่ไม่ได้ร่วมเป็นรัฐบาลก็เป็นไปตามกติกาที่ต้องเป็นฝ่ายค้าน จะทำงาน อภิปรายอย่างไร ก็ต้องคุยกัน แบ่งเวลากัน ส่วนการลงมติแต่ละพรรคก็มีทิศทางอยู่แล้ว คงต้องตามกันทุกเรื่อง