กองทัพปากีสถานยืนยันว่าพวกเขายิงเครื่องบินรบของอินเดียตก 2 ลำในเขตน่านฟ้าแคชเมียร์ของปากีสถาน พร้อมควบคุมตัวนักบินไว้ได้ 1 คน ซึ่งถือเป็นมาตรการตอบโต้จากกรณีที่อินเดียส่งเครื่องบินรบล่วงล้ำน่านฟ้าของปากีสถานเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.)
พลตรี อาซิฟ กาฟัวร์ โฆษกกองทัพปากีสถาน เปิดเผยว่าเครื่องบินรบของกองทัพอากาศอินเดีย 1 ลำถูกยิงตกในอาณาเขตของปากีสถาน ขณะที่อีกลำตกในดินแดนของอินเดีย
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 14.20 น. ตามเวลาประเทศไทย มีรายงานว่าเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 ของปากีสถานก็ถูกยิงตกในบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสองประเทศในแคชเมียร์
ความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานและอินเดียตึงเครียดขึ้น หลังอินเดียส่งเครื่องบินรบเข้าไปปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อทำลายที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายในเขตบาลากอตของปากีสถาน โดย Times of India รายงานว่ามีผู้ก่อการร้ายอยู่ในค่ายอย่างน้อย 325 คน และมีครูฝึกอีก 25 คน แต่ยังไม่ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างชัดเจน ขณะที่ก่อนหน้านี้ปากีสถานระบุว่าการบอมบ์โจมตีของอินเดียไม่ได้สร้างความเสียหายแก่สิ่งปลูกสร้าง และไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
ผลจากความตึงเครียดระลอกใหม่ทำให้ปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าและระงับเที่ยวบินในลาฮอร์ อิสลามาบัด และอีกหลายเมือง ขณะที่อินเดียก็ได้ปิดเส้นทางบินชั่วคราวในเมืองอัมริตสาร์ ศรีนคร จัณฑีครห์ และรัฐจัมมู (แคชเมียร์)
ก่อนหน้านี้ สุชมา สวาราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ระบุว่ารัฐบาลอินเดียไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์กับปากีสถานตึงเครียดมากไปกว่านี้ พร้อมยืนยันว่าการโจมตีทางอากาศเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ไม่ใช่ปฏิบัติการทางทหาร แต่เป็นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้าย Jaish-e-Mohammed (กองทัพแห่งโมฮัมเหม็ด) ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโจมตีทหารอินเดียในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งอินเดียและปากีสถานต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแคชเมียร์ โดยที่สองประเทศควบคุมดินแดนเพียงบางส่วน และทำสงครามจากความขัดแย้งดังกล่าวรวม 3 ครั้ง นับตั้งแต่อินเดียและปากีสถานได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947
อ้างอิง: