วันนี้ (20 ตุลาคม) ไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้แทนวางพวงหรีดพิธีรับร่างแรงงานไทยชุดแรก จำนวน 8 ราย กรณีเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ด้วยเครื่องบินของสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY083 ลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยไพโรจน์กล่าวว่า หลังจาก 8 ร่างคนไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอลกลับมาผ่านขั้นตอนกรมศุลกากร จากนั้นในเวลา 11.00 น. จะมีการประกอบพิธีทางศาสนา โดยวางพวงหรีดของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และนำร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา ซึ่งจะให้ทาง 5 เสือกระทรวงแรงงานไปพบญาติที่บ้าน เพื่อไปชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องของกองทุนช่วยเหลือผู้ไปทำงานในต่างประเทศ ที่จะได้เงินช่วยเหลือ 40,000 บาท โดยเฉพาะภรรยาที่จะต้องมีการเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ
นอกจากนั้นยังมีเงินกองทุนจากอิสราเอลด้วย โดยภรรยาจะได้รับเงินเดือนละ 40,000 บาทจนกว่าจะมีครอบครัวใหม่ ขณะที่บุตรจะได้รับเงินเดือนละ 8,000-12,000 บาทจนกว่าอายุครบ 18 ปี ดังนั้นจึงต้องรีบดำเนินการเพื่อประสานกับทางการอิสราเอลอย่างเร็วที่สุด
ส่วนขั้นตอนการพิสูจน์อัตลักษณ์ มีการผ่านสถานทูตไทยแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และหลังจากนี้ก็จะประกอบพิธีทางศาสนา หากญาติติดใจก็สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ที่ไทยได้อีกครั้ง ในขั้นตอนของอิสราเอลเราจะต้องรีบดำเนินการประสานกับอิสราเอลเพื่อส่งเอกสารต่างๆ ไปให้เร็วที่สุด โดยผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนาจากจังหวัดอุดรธานี 2 ราย, ขอนแก่น 2 ราย, สุโขทัย 1 ราย, ชัยภูมิ 1 ราย, ศรีสะเกษ 1 ราย และนครราชสีมา 1 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตตอนนี้ 30 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 16 ราย และตัวประกัน 17 ราย
ส่วนเที่ยวบินที่จะไปรับคนไทยในอิสราเอล รัฐบาลไทยพยายามเตรียมเที่ยวบินไปรับให้ได้มากที่สุด วันนี้มีเข้ามาสองเที่ยวบิน รวมทั้งหมด 540 ราย และขณะนี้เดินทางกลับมาแล้วทั้งหมด 1,560 ราย อย่างไรก็ตาม จะทยอยส่งคนไทยที่ประสงค์เดินทางกลับมาภายในสิ้นเดือนนี้ ล่าสุดวานนี้ (19 ตุลาคม) มีข้อมูลแจ้งประสงค์กลับประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 8,389 ราย และวันนี้คงมียอดเพิ่มอีก
ขณะที่แผนการอพยพคนไทยนั้น ทางทูตแรงงานไทยในอิสราเอลพยายามประสานร่วมกับสถานทูตไทยในอิสราเอลเพื่อนำคนไทยกลับมาให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้แรงงานภายในอิสราเอลมีอยู่ที่ประมาณ 21,000 ราย แสดงว่ายังไม่ประสงค์กลับประเทศไทย และทำงานต่อกับนายจ้างที่นั่นอยู่ ส่วนที่มีตกค้างอยู่กำลังประสานให้ทางการอิสราเอลให้การช่วยเหลือ ขอให้ส่งข้อมูลมาที่ญาติพี่น้อง เพื่อส่งข้อมูลมายังกระทรวงแรงงาน และจะประสานไปยังสถานทูตไทยในอิสราเอลเพื่อดำเนินการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องดูว่าจะอพยพคนไปประเทศดูไบในวันที่ 22 ตุลาคม และขึ้นเครื่องกลับมาประเทศไทย เพราะจากประเทศดูไบมีเครื่องบินมาส่งประเทศไทยได้จำนวนมากกว่า ขอให้ครอบครัวและญาติพี่น้องของคนไทยในอิสราเอลสบายใจ เพราะกระทรวงแรงงานประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการช่วยเหลือแรงงาน และคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลกลับมายังประเทศไทยให้เร็วที่สุด และให้คนไทยที่ประสงค์จะกลับมายังประเทศไทยกลับมาอย่างปลอดภัยสู่อ้อมกอดของครอบครัว โดยเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเต็มที่
ส่วนขั้นตอนต่อไปในเรื่องของการจัดหางานให้กับคนไทยที่กลับมาจากอิสราเอล ก็จะต้องมาคุยกันถึงขั้นตอนการเยียวยาว่าจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้อยากให้พักผ่อน อยู่กับครอบครัวก่อน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานก็จะเข้าไปพูดคุย หากบางคนอยากกลับไปทำงานที่อิสราเอล ทางเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลก็ตอบมาแล้วว่าจะต่อวีซ่าให้อีก 1 ปี ทั้งคนที่หมดสัญญาหรือไม่หมดสัญญาก็สามารถกลับไปทำงานได้ที่อิสราเอล เพราะอิสราเอลมองว่าแรงงานไทยเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอิสราเอล
ส่วนกรณีมีรายงานว่าแรงงานไทยบางส่วนยังถูกเจ้านายบังคับให้ทำงานต่อนั้น ไพโรจน์กล่าวว่า ตนแจ้งไปยังทูตแรงงานที่อิสราเอลแล้วว่าขอให้แก้ไขปัญหานี้โดยด่วน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ เพราะการที่จะให้ทำงานต่อต้องเป็นการยินยอมของแรงงานไทย และประสานกับอิสราเอลให้ดูกรณีดังกล่าว ไม่ให้มีการบังคับแรงงานทำงาน และช่วงนี้อยู่ในช่วงสงครามด้วย