วันนี้ (27 สิงหาคม) สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. เพื่อมาฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยจะมีรัฐมนตรีมารอและร่วมนั่งฟังด้วย
จากนั้นในช่วงเวลา 15.00-16.00 น. สส. พรรคเพื่อไทยจะแวะมาให้กำลังใจ ซึ่งไม่ว่าผลออกมาบวกหรือลบ ไม่ใช่ปัญหา เพราะจะมาให้กำลังใจอยู่ดี ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญ แพทองธารคงจะส่งตัวแทนไปฟังคำวินิจฉัย
สมคิดกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า หากแพทองธารไปต่อไม่ได้ จะมีการทุ่มเงินเพื่อซื้อ สส. มาโหวตให้กับฝั่งตัวเองนั้น เรื่องนี้เป็นเพียงกระแสข่าว แต่เรื่องจริงไม่น่าเป็นเช่นนั้น เพราะคะแนนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังเป็นตัวเลขเดิม หากผลออกมาเป็นลบกับแพทองธาร ก็โหวต ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อีกคนของพรรคเพื่อไทย
แต่ถ้าเป็นบวกก็ทำงานต่อ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้วิตกอะไร ดังนั้น ที่มีคนไปปั่นกระแสว่ามีจำนวนเงิน 2 พันล้านบาท ก็เป็นการสร้างกระแสธรรมดา ยืนยันพรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันแน่น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ทั้งนี้ ได้คุยกับวิปรัฐบาลแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ หากเปลี่ยนมาเป็น ชัยเกษม สมคิดกล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา ทุกอย่างทำงานเหมือนเดิม แต่หากแพทองธารไม่ได้ไปต่อ ก็อาจเสียเวลาสัก 2-3 สัปดาห์ เพื่อเลือกนายกฯ โดยเร็ว ส่วนการจัดดินเนอร์พรรคร่วมเพื่อย้ำความสัมพันธ์ขณะนี้ยังไม่ได้มีการคุย แต่หัวหน้าวิปของแต่ละพรรคได้คุยกันแล้ว รวมถึงเรื่องการผ่านกฎหมายต่างๆ แม้เสียงจะไม่เยอะ แต่เราสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้เหมือนเดิม ส่วนเรื่องซื้อเสียงนั้น คิดได้แต่ทำไม่ได้
ส่วนข้อกังวลว่าจะมีการพลิกขั้วหรือไม่ สมคิดกล่าวว่า ไม่มี จะไปพลิกทำไม อย่างไรตัวเลขก็ค้ำกันอยู่ สมมติพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยกมือให้แล้วจะไปอย่างไร คิดว่าพรรคประชาชนจะเลือกหรือ ถ้าเลือกแล้วจะพอหรือไม่
สมคิดยืนยันด้วยว่า รัฐบาลจะครบเทอม จะอยู่นานหรือไม่ก็อยู่ที่ผลงานที่ทยอยออกมาแล้ว เช่น เรื่องยาเสพติด ส่วนเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่กำลังจะออกมารอเพียงกฎหมาย ไม่ได้อยู่ที่ใครมาต่อว่า ไปตัดสินกันที่สนามเลือกตั้งดีกว่า ขอให้ฝ่ายค้านอดทนอีกนิด เชื่อว่าไม่เกินเดือน พฤษภาคม 2570 ได้เลือกตั้งแน่นอน อย่าไปรีบร้อน อยากฝากไปถึงคนที่ปั่นข่าวเรื่อง 2 พันล้านบาท ด้วยว่าเก็บเงินไว้ให้ลูกกินขนมดีกว่า
ไม่ถอนแจ้งความเอาผิด ฮุน เซน ปมแพร่คลิปเสียง
สมคิดเปิดเผยด้วยว่า วันเดียวกันนี้ ตนได้เดินทางไปให้ปากคำต่อสำนักงานอัยการสูงสุดฝ่ายคดีพิเศษ จากกรณีที่ตนได้เข้าแจ้งความกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กรณีเผยแพร่คลิปเสียงสนทนากับ แพทองธาร เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 68 ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลและคิดว่าครบถ้วนแล้ว จึงให้ตนไปให้ปากคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หลักที่ตนไปแจ้งความสมเด็จฮุน เซน ในแง่ของการทำลายความมั่นคงของประเทศโดยใช้กฎหมายไทย ส่วนความผิดทางพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์นั้นถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่ว่าจะมีความผิดอื่นๆ ตามมา เช่น ความผิดด้านความมั่นคง ซึ่งถอนแจ้งความไม่ได้ และวันนี้ได้ไปยืนยันในเอกสารว่า จะไม่ถอนแจ้งความ ให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป คาดว่าขั้นตอนของเอกสารจะจบภายในสัปดาห์นี้ และแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหา คือสมเด็จฮุน เซน ที่อยู่ต่างประเทศ ขั้นตอนต่อไปก็คงจะเป็นการออกหมายจับ
ส่วนที่กัมพูชาไปร้องตนที่กระทรวงการต่างประเทศว่า ผิดขั้นตอนทางการทูตนั้น สมคิดระบุว่า ความจริงไม่มีอะไร ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศก็ชี้แจงไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ก็รอขั้นตอนต่อไปของอัยการสูงสุด
