×

อวสานกัญชาเสรี แพทองธารย้ำจุดยืนรัฐบาลหลังไม่มีภูมิใจไทย หนุนกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น

โดย THE STANDARD TEAM
24.06.2025
  • LOADING...

วานนี้ (23 มิถุนายน) ที่กระทรวงยุติธรรม แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังแถลงผลการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สนธิกำลังกองทัพเรือและสำนักงาน ป.ป.ส. ทลายเครือข่ายยานรก ยึดของกลาง ยาไอซ์ 2.4 ตัน มูลค่าในประเทศกว่า 239 ล้านบาท ซุกเรือเตรียมส่งออก มูลค่าในต่างประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท ถึงจุดยืนของรัฐบาลเรื่อง กัญชาเสรี

 

แพทองธารกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ที่จะทำเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์ และจะเร่งทำตรงนี้ เพื่อกำหนดให้ใช้พืชกัญชาการแพทย์เท่านั้น”

 

สำหรับ ‘กัญชาเสรี’ นั้น เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยถูกประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในการปราศรัยใหญ่ของพรรค ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2562 โดยอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค

 

สาระสำคัญของนโยบายนี้คือการผลักดันให้ ‘กัญชา’ กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทย ด้วยแนวคิดว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านสายพันธุ์และภูมิอากาศเหมาะสมต่อการเพาะปลูก โดยเสนอให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนได้บ้านละไม่เกิน 6 ต้น หากมีผลผลิตเหลือใช้สามารถขายให้รัฐได้

 

โดยรัฐจะทำหน้าที่เป็นผู้รับซื้อและควบคุมการกระจาย ไม่อนุญาตให้ซื้อขายเสรีระหว่างประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการตั้งเป้าว่า การปลูกกัญชาจะสามารถสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนสูงถึงปีละ 400,000 บาท

 

นโยบายดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ โดยรัฐต้องให้การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชาไทย คล้ายกับรูปแบบที่ประสบความสำเร็จในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับการใช้เพื่อสันทนาการ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมาย เช่น กำหนดอายุผู้ใช้ ปริมาณการบริโภค และพื้นที่อนุญาตให้ใช้

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 กระทรวงสาธารณสุขมีประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 อย่างเป็นทางการ โดยกำหนดให้ ‘ทุกส่วนของพืชกัญชา’ ไม่ถือเป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC หรือ CBD เกิน 0.2% ซึ่งยังอยู่ภายใต้การควบคุม สอดคล้องกับกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ

 

อย่างไรก็ตาม 2 ปีต่อมา วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนประกาศดังกล่าว และพิจารณานำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดประเภท 5 โดยอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะในทางการแพทย์และสุขภาพ พร้อมกำหนดให้จัดทำกฎกระทรวงควบคุมการใช้ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567

 

คำสั่งดังกล่าวจุดกระแสถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในหมู่ผู้ประกอบการที่ลงทุนไปแล้วในอุตสาหกรรมกัญชา ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าแปรรูป การแพทย์ทางเลือก หรือแม้แต่เกษตรกรรายย่อยที่ปลูกไว้ใช้เองในครัวเรือน ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายและทิศทางการกำกับดูแลของรัฐในอนาคต

 

ล่าสุด ศุภชัย ใจสมุทร แกนนำพรรคภูมิใจไทย แสดงความเห็นถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยนับตั้งแต่ปี 2562 มีความชัดเจนมาโดยตลอดว่า สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากใช้พืชกัญชาเพื่อทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น และการปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดในประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ก็เป็นลงมติเห็นชอบโดยรัฐสภาคือทั้ง สว. และ สส. รวมทั้งจากพรรคเพื่อไทย

 

ทั้งนี้ เมื่อพรรคภูมิใจไทยเห็นว่ากัญชาควรต้องมีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยสภาได้แต่งตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณาจนแล้วเสร็จเสนอต่อสภา เพื่อพิจารณาวาระสอง แต่มีการตีรวนจากสมาชิกพรรคการเมืองเช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยจนร่างดังกล่าวได้ตกไปเนื่องจากการยุบสภาโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในขณะนั้น

 

อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทยยังเห็นว่า กัญชามีความจำเป็นต้องมีกฎหมายเฉพาะมากำกับจึงได้มีการยื่นร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ต่อสภาชุดปัจจุบันเพื่อให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขก็ได้เสนอร่างในลักษณะเดียวกับร่างของพรรคภูมิใจไทยต่อ ครม. แต่จนวันนี้ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวก็ไม่มีความคืบหน้าหยุดนิ่งอยู่จนบัดนี้

 

เนื่องจากการที่ยังไม่มีกฎหมายเป็นการเฉพาะ กระทรวงสาธารณสุขจึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่พอมีอยู่มาใช้บังคับ เช่น การออกใบอนุญาตร้านค้าสมุนไพรควบคุมโดยกรมแพทย์แผนไทย การควบคุมเรื่องอาหารและยาโดย อย. ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างมากมาย เพราะขาดกฎหมายที่บังคับเป็นการเฉพาะ

 

พรรคภูมิใจไทยจึงเห็นด้วยกับการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย เพราะพรรคสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์เท่านั้น และเห็นว่าการที่มีร้านที่ผิดกฎหมายอยู่จำนวนมากมายเกิดเรื่องก็เป็นเพราะการที่กระทรวงสาธารณสุขปล่อยปละละเลยให้เกิดขึ้น

 

ขณะเดียวกัน การออกใบอนุญาตให้ร้านเกิดขึ้นอย่างมากมายนั้นก็เป็นการอนุญาตโดยกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น จนมีการกล่าวกันว่ามีการหาประโยชน์จากการออกใบอนุญาตร้านกัญชากัน จนร้านกัญชามีอยู่ทุกซอกทุกมุมของทุกเมือง

 

พรรคภูมิใจไทยจึงขอเรียกร้องให้ดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังกับร้านที่กระทำผิดกฎหมายและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์เดิมของพรรคภูมิใจไทยที่เป็นกัญชาทางการแพทย์ และพรรคภูมิใจไทยยังขอเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร่งด่วน

 

จากรัฐบาลเศรษฐามาจนรัฐบาลแพทองธาร 1 จนถึง 2 กระทรวงสาธารณสุขอยู่ในการกำกับดูแลของพรรคเพื่อไทย ทำไมปล่อยปละ ละเว้น ไม่ทำอะไรปล่อยให้ปัญหาบานปลาย แล้วกลับมาขยับเอาเวลานี้ เร่งจับคนผิดกฎหมาย เร่งออกกฎหมายเถอะ ปัญหาจะได้จบ พรรคภูมิใจไทยขอเรียกร้อง

 

ขณะที่ ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ศุภชัย ใจสมุทร แกนนำพรรคภูมิใจไทย พาดพิงว่า รัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ปล่อยปละละเลยต่อการควบคุมกัญชาว่า ศุภชัยร้อนรนจะเป็นฝ่ายค้าน จนลืมความจริงและบิดเบือนเป็นความเท็จว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตั้งแต่พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลแสดงจุดยืนชัดเจนมาหลายครั้งเสมอต้นเสมอปลายว่า รัฐบาลนี้ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี แต่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ภายใต้การควบคุมเข้มงวด

 

แต่พรรคภูมิใจไทยและพลพรรคทั้งองคาพยพสีน้ำเงินมีความเห็นต่างกับการแก้กฎกระทรวง เพื่อให้กัญชาเป็นกลุ่มยาเสพติด ที่ผ่านมาเราต้องไม่ลืมว่า ในสมัย พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ใคร พรรคไหนนั่งรัฐมนตรีสาธารณสุข และมีอำนาจผู้ปลดล็อกกัญชาเองกับมือ จนเกิดปรากฏการณ์คาเฟ่สายเขียวทั่วเมืองเพราะไร้กฎหมายควบคุม ส่งผลกระทบให้ประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้

 

ลิณธิภรณ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไขเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าวที่พรรคภูมิใจไทยทิ้งไว้ โดยพรรคเพื่อไทยไม่เคยนิ่งนอนใจ และไม่ได้ปล่อยปละละเลยต่อปัญหากัญชาที่กระทบต่อเยาวชนและสังคมไทย รัฐบาลเร่งเดินหน้าออกกฎหมายควบคุมกัญชาให้ชัดเจน และจำกัดการใช้เฉพาะในทางการแพทย์เท่านั้น

 

“ดิฉันเข้าใจว่าท่านศุภชัยอาจกังวลต่อผลกระทบของกัญชาในปัจจุบัน แต่ก็ขอให้ท่านช่วยทวนบทบาทของพรรคตัวเองในอดีตด้วยว่า ใครกันแน่ที่เปิดประตูนี้ขึ้นมาโดยไม่มีการวางรั้วที่รัดกุมไว้ก่อน ดิฉันจึงขอเรียนให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี และกำลังเร่งออกกฎหมายควบคุมกัญชาให้รัดกุมที่สุด โดยจะไม่มีใครสามารถใช้ประโยชน์จากช่องว่างของกฎหมายอีกต่อไป”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising