×

‘เป็นกลยุทธ์การเจรจา’ เปิดข้อต่อสู้แพทองธารคดีคลิปเสียง ‘ฮุน เซน’ ย้ำไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว

โดย THE STANDARD TEAM
14.08.2025
  • LOADING...
  1. วานนี้ (13 สิงหาคม) ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และ ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น.

 

  1. ในคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา

 

  1. กรณีนี้เกิดขึ้นหลังประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของแพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

 

  1. ศาลนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. และฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป

 

  1. แพทองธารยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าการกระทำตามข้อกล่าวหาไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

  1. ในคำชี้แจง แพทองธารยื่นรายชื่อพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ปาก ได้แก่

 

1) ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. ผู้ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ และทราบเจตนาที่แท้จริงในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน

 

2) อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้สั่งการฝ่ายปกครองด้านชายแดน

 

3) พล.อ. ภุชงค์ รัตนวรรณ ข้าราชการบำนาญ ผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา ทำงานในพื้นที่มาตั้งแต่ยศร้อยโท และทำงานกับ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต่อเนื่องตั้งแต่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการรบพิเศษ

 

4) พล.ท. พุฒิพงษ์ ชีพสมุทร รองเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร ผู้ชำนาญด้านกฎหมายความมั่นคงและอำนาจอธิปไตย

 

5) ธนาธิป อุปัติศฤงค์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย ผู้ชำนาญการด้านการต่างประเทศและวิธีปฏิบัติทางการทูตแบบไม่เป็นทางการ

 

  1. ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไต่สวนเฉพาะแพทองธารและฉัตรชัยในวันที่ 21 สิงหาคมนี้เท่านั้น

 

  1. แพทองธารยังชี้แจงต่อศาลถึงกรณีการใช้ถ้อยคำ “อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้” ว่าเป็นเพียงเทคนิคการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation) โดยมุ่งค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based) ของคู่เจรจา เพื่อหาทางยุติความตึงเครียด ไม่ได้หมายความว่าจะดำเนินการตามข้อเสนอทุกกรณี อีกทั้งข้อเสนอจากกัมพูชาจะต้องผ่านการพิจารณากับฝ่ายความมั่นคงของไทยก่อนทุกครั้ง

 

  1. สำหรับถ้อยคำที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 (พล.ท. บุญสิน พาดกลาง) ว่าเป็น “ฝั่งตรงข้าม” แพทองธารระบุว่าเป็นเพียงการอธิบายความไม่พอใจส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อแยกปัญหาออกจากตัวบุคคล มิใช่การกล่าวโจมตีหรือสร้างความขัดแย้ง

 

  1. แพทองธารย้ำว่าบทสนทนามีเป้าหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่มีเจตนาหาผลประโยชน์ส่วนตัว

 

  1. แพทองธารชี้ว่า สมเด็จฮุน เซน ในฐานะประธานวุฒิสภากัมพูชา ไม่มีสถานะทางกฎหมายที่จะกระทำการก่อให้เกิดผลผูกพันทางนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐได้ ทั้งหมดจึงเป็นเพียงการดำเนินการทางการทูตเพื่อรักษาเสถียรภาพประเทศและป้องกันความขัดแย้ง ไม่ใช่การโอนอ่อนหรือเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising