วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ประกาศจะไม่เลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย
แพทองธารกล่าวว่า ขอบคุณมากที่ช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียง ทำให้ประชาชนได้ประจักษ์ ที่เขาสงสัยอยู่ว่าทำไมเราพูดปิดสวิตช์ ส.ว. จำเป็นแค่ไหน เมื่อพรรคเพื่อไทยหาเสียงเหนื่อยขนาดนี้ และมี ส.ว. เข้ามาช่วยเราหาเสียง จึงขอบคุณมากๆ ส่วนพรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์คือการนำเสนอนโยบายสู่ประชาชน ที่เราต้องปรับให้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ว. บางคนบอกว่า แพทองธารอ่อนประสบการณ์ทางการเมือง แพทองธารระบุว่า ตนอายุ 36 ปีมีประสบการณ์ทางธุรกิจ ตนได้ไปหลายธุรกิจมาก แต่คนที่อายุน้อยกว่าตนเป็นเจ้าของบริษัทและเก่งกว่าตนด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่รู้สึกว่าตัวเองดีที่สุดแต่มีทีมที่ดีที่สุด ส่วนการแสดงความเห็นของ ส.ว. นั้น เรื่องอายุเป็นความเห็นที่เชยแล้ว ถ้าพูดเรื่องอายุ 60-70 ปี หรือเด็ก ก็เป็นคำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ ควรหันไปดูทั่วโลกบ้างว่าผู้นำแต่ละชาติอายุเท่าไรกันบ้าง อย่างผู้นำบริษัท หรือผู้นำต่างๆ ในไทยก็มีเด็กเก่งๆ เยอะมาก อย่าให้ความเห็นอย่างนี้
ขณะที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพขณะนี้ในสนามเลือกตั้งชัดเจนแล้วว่า ส.ว. 250 คน เตรียมสกัดขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน แม้กระทั่งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้เสียงเกินครึ่งก็ยังไม่ยอมรับ ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องประกาศเป้าหมายแลนด์สไลด์ เรารู้ดีว่าคู่แข่งไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็น ส.ว. 250 คน ขณะนี้ไม่ใช่สเต็ปเดียวยกมือสกัดกั้นพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าใช้ 250 ส.ว. ให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ได้ ขั้นตอนต่อไปก็จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นนายกฯ ได้ยาวๆ
“เราไม่มีที่พึ่งนอกจากประชาชน ตนเชื่อว่าถ้าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงก็จะมีพรรคเพื่อไทยที่ทำให้ได้ ส่วนกรณีวิจารณ์ประสบการณ์แพทองธาร จึงอยากให้พรรค ส.ว. พิจารณากันดีๆ หลายคนเข้าสภาเป็น 10 ปี แต่ไม่เคยลงเลือกตั้งเลย ยังไม่เคยกล้าประกาศตัวให้ประชาชนพิจารณา ซึ่งแพทองธารมาตามกติกา เข้าตามตรอกออกตามประตู ถ้าประชาชนไม่เลือกก็เคารพการตัดสินใจ แต่ถ้าประชาชนเลือกอยากให้ ส.ว. ทั้งหลายเคารพประชาชนด้วย” ณัฐวุฒิกล่าว
“อิ๊งขอไม่ท้าทายกับดราม่าทางการเมือง อิ๊งขอท้าทายด้วยเสียงของประชาชน อิ๊งบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเลือกอิ๊งเป็นนายกฯ แต่ควรเคารพเสียงของประชาชนด้วย” แพทองธารกล่าวเสริม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า เราต้องหาเสียงต่อไป เพื่อเป็นรัฐบาลต่อไป ทำเพื่อประชาชนต่อไป ไม่มีการเดิมพันหรืออะไร เมื่อมีโอกาสเมื่อไรเราก็จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน
ด้านณัฐวุฒิกล่าวเสริมว่า คนตัดสินใจคือประชาชน จะเดิมพันกี่ครั้งแต่พรรคเพื่อไทยยังมีจุดยืนเดิม เดินหน้าด้วยนโยบายประชาชนก็มีสิทธิตัดสินใจทุกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเพิ่มจุดเด่นของพรรคอะไรของพรรคหลังจากนี้หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า อย่างที่บอกไปตอนแรก หลังจากยุบสภาจะมีนโยบายเข้มข้นขึ้น และตอนนี้ ที่เราเดินทางไปแต่ละจังหวัดก็จะมีนโยบายที่ชัดเจนขึ้นของแต่ละจังหวัด เพราะแต่ละพื้นที่ต้องการการปรับปรุง เรื่องปากท้องไม่เหมือนกัน ตนก็พยายามจะสื่อสารแต่ละที่ว่าเรามีนโยบายเฉพาะของเขาด้วย รวมถึงนโยบายภาพรวมคืออะไร