ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘ครม. แพทองธาร 1’ แล้วในวันนี้ (4 กันยายน) โดยพบว่า พิชัย ชุณหวชิร ยังคงดำรงตำแหน่ง ‘รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง’ (รมว.คลัง) ขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) อีก 2 ตำแหน่งก็ยังคงเป็น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล เช่นเดิม นับเป็นการส่งสัญญาณความต่อเนื่องทางนโยบายเศรษฐกิจประเทศ
ก่อนหน้านี้พิชัยดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2567 พิชัยได้มุ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนตลาดทุนไทย เช่น การปรับเกณฑ์กองทุน Thai ESG และการเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ ท่ามกลางความพยายามในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ เช่น หนี้ครัวเรือน สภาพคล่องครัวเรือนที่หดตัว รวมไปถึงความพยายามเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
กสิกรมอง ตั้ง ครม. เร็วช่วยลดความไม่แน่นอน จับตานโยบายเศรษฐกิจ
ขณะที่ ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH โดยมองว่า รัฐบาลชุดเดิมเปลี่ยนผ่านเป็นรัฐบาลชุดใหม่ค่อนข้างเร็ว ขณะที่การตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นไปตามแผน ทำให้ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ลดลง รวมทั้งทำให้นักลงทุนและตลาดสามารถทยอยรับรู้ข่าวสารได้
สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ณัฐพรมองว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายที่กำลังจะออกมา โดยต้องรอดูการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกที แต่เบื้องต้นประเมินว่า ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก และจะยังมีความต่อเนื่องอยู่
ส่วนประเด็นความท้าทายทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่ รมว.คลัง ต้องเผชิญก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เช่น หนี้ครัวเรือน และอุปสงค์ที่อ่อนแอในประเทศ
SCB EIC คาด พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 ไม่ล่าช้า จับตาการปรับเปลี่ยนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH โดยประเมินว่า กระบวนการจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ จนถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาครั้งนี้ ใช้เวลาราวๆ 1 เดือนเท่านั้น หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567
ดังนั้น ตามแผนของ ครม. ชุดใหม่ ที่คาดว่าจะแถลงนโยบายในวันที่ 16 กันยายน 2567 อาจไม่กระทบกับกระบวนการของ พ.ร.บ.งบประมาณ 2568
เนื่องจากตำแหน่ง รมว.คลัง และ รมช.คลัง ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ดร.ฐิติมา จึงมองว่า “น่าจะได้เห็นความต่อเนื่องในการใช้งบประมาณที่เตรียมไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจเห็นการปรับเปลี่ยนไปใช้นโยบายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว อย่างที่เผ่าภูมิเคยกล่าวไว้”
ดร.ฐิติมา กล่าวด้วยว่า ความเสี่ยงหรือความท้าทายต่างๆ สำหรับ รมว.คลัง ยังคงอยู่เช่นเดิม เช่น การใช้งบประมาณขาดดุลสูง และการใช้งบประมาณให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจได้ในระยะยาว รวมถึงความเปราะบางของครัวเรือนและธุรกิจที่ยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs
เมื่อสัปดาห์ก่อน เผ่าภูมิระบุว่า “ดิจิทัลวอลเล็ตต้องปรับรูปแบบต่างๆ ทั้งรูปแบบการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวดเร็ว กระตุ้นทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ต้องครอบคลุมทั้ง 3 ระยะนี้” รวมทั้งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนเป็นกลุ่มแรก ซึ่งมีราวๆ 14 ล้านคน และแจกให้ภายในเดือนกันยายน เนื่องจากต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ภายในเดือนดังกล่าว
อ้างอิง:
