วันนี้ (4 มิถุนายน) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการรับตัว เชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาในคดีหลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชกลับไทยว่า ในวันนี้ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. จะมีการส่งตัวเชาวลิตไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัว 48 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นการจับกุมตามหมายแดง
ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้นทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะขอตัวมาควบคุมตัวที่เรือนจำกลางบางขวางหรือเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นเรือนจำที่มีการควบคุมสูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมหารือของรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อยุติ
พ.ต.อ. ทวี กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนจำยืนยันว่ามีมาตรฐาน และได้เน้นย้ำว่าสำหรับกระทรวงยุติธรรม เหตุการณ์การหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุมจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งต้องมีการสอบสวนและต้องได้ข้อมูลจากเชาวลิตถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วย
โดยที่ผ่านมามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องและได้ดำเนินคดีไปบ้างแล้ว ซึ่งต้องไปสอบสวนว่าใครทำหน้าที่บกพร่องหรือมีส่วนอยู่เบื้องหลัง ต้องนำตัวมาให้หมด รวมถึงบุคคลที่ต้องสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด จะมีการตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนโดยเฉพาะ เพราะประชาชนให้ความสนใจ และนายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับ
รวมถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้เชาวลิตออกมาพูดถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยที่อาจทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ส่วนนี้ต้องพิจารณาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลอย่างไร หรืออาจต้องจัดให้เป็นคดีพิเศษ
สำหรับข้อกังวลว่าเชาวลิตอาจทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายนั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า เชาวลิตจะอยู่ในความดูแลของผู้คุมตลอด 24 ชั่วโมง และมีกล้องวงจรปิดที่สามารถตรวจสอบได้ จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
สำหรับเส้นทางการหลบหนีจากนี้ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวน ซึ่งต้องรับฟังทุกฝ่าย ต้องยึดตามพยานหลักฐาน หากพูดไปอาจทำให้คนอื่นเกิดความเสียหาย การหลบหนีจากไทยไปอินโดนีเซียนั้นถือเป็นกระบวนการหนึ่งที่ต้องสืบสวน แต่การที่เชาวลิตไปอยู่ที่อินโดนีเซียอย่างไรนั้น ทางตำรวจอินโดนีเซียได้ให้ข้อมูลมาครบแล้ว
ส่วนที่เชาวลิตระบุว่าเดินทางไปหลายประเทศก่อนที่จะมาอยู่ที่อินโดนีเซีย และไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ถือเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง การพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามต้องให้เครดิตตำรวจไทยที่สามารถค้นหาผู้หลบหนีและนำตัวกลับมาได้
พ.ต.อ. ทวี ยังกล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลในฐานะที่เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลว่า การเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีเสียงสนับสนุน การที่จะนำรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีอีกส่วนคือศาลรัฐธรรมนูญ
ในความเห็นส่วนตัวมองว่ารัฐบาลมีความเป็นปึกแผ่น มีความสามัคคี และเสียงที่สนับสนุนต่างจากรัฐบาลครั้งที่แล้วในชุดแรกๆ ครั้งนี้ถือว่ามีเสียงมากกว่า 300 เสียง ไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นรัฐบาลมีความมั่นคง แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำมากกว่าความมั่นคงคือความเชื่อมั่นของประชาชน การที่ต้องทำงานหนักต้องพิสูจน์ว่ารัฐบาลได้แก้ปัญหาของประชาชน
พ.ต.อ. ทวี กล่าวด้วยว่า กรมราชทัณฑ์มีนักโทษคดีการเมืองประมาณ 20 คน โดยเป็นส่วนที่ศาลตัดสินแล้วและอยู่ระหว่างการควบคุม
ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรม ตนเองมองว่าน่าจะเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรในการเสนอกฎหมาย ส่วนกระทรวงยุติธรรมพยายามให้มีการปฏิบัติต่างกันระหว่างคดีที่ศาลตัดสินเด็ดขาดแล้วกับคดีที่ผู้ต้องหายังเป็นเยาวชนซึ่งอยู่ในส่วนของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน