Oura Health Oy ผู้ผลิตแหวนอัจฉริยะชื่อดังจากฟินแลนด์ กลายเป็นบริษัทอุปกรณ์สวมใส่รายล่าสุดที่กระโดดเข้าสู่สมรภูมิการตรวจวัดความดันโลหิต โดยได้ประกาศแผนการศึกษา Blood Pressure Profile ซึ่งจะเริ่มต้นภายในสิ้นปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณท้าชิงกับ Apple ซึ่งเพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับภาวะความดันโลหิตสูงสำหรับ Apple Watch ไปเมื่อเดือนก่อน และยังเป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มที่ชัดเจนของอุตสาหกรรม ที่อุปกรณ์สวมใส่กำลังขยับจากการเป็นเพียงเครื่องติดตามการออกกำลังกาย สู่การเป็นเครื่องมือ ‘ตรวจสุขภาพ’ เชิงรุก
ริคกี้ บลูมฟิลด์ (Ricky Bloomfield) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของ Oura กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้จะใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากแหวน Oura โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์วัดความดันแบบดั้งเดิม (Cuff) เพื่อ “ระบุสัญญาณเริ่มต้นของภาวะความดันโลหิตสูง โดยติดตามสัญญาณชีพที่สำคัญอย่างต่อเนื่องอยู่เบื้องหลัง”
เป้าหมายสูงสุดคือการนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาและตรวจสอบความถูกต้องของฟีเจอร์สำหรับผู้บริโภคในอนาคต เพื่อยื่นขอการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเทคโนโลยีดังกล่าว ภาวะความดันโลหิตสูงส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่ราว 1.3 พันล้านคนทั่วโลก และเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
บลูมฟิลด์ยังได้ชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของการออกแบบในรูปแบบแหวนว่า สามารถเก็บข้อมูลสัญญาณทางสรีรวิทยาได้แม่นยำกว่า เนื่องจากตัวแหวนจะสัมผัสโดยตรงกับหลอดเลือดแดงที่นิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่วัดสัญญาณชีพได้ดี การศึกษานี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยแล้ว และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เข้าร่วมผ่านส่วน Oura Labs ในแอปพลิเคชันเร็วๆ นี้
การรุกคืบเข้าสู่ตลาดการตรวจวัดความดันโลหิตนี้สะท้อนถึง ‘แนวโน้ม’ ที่ใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคต่างกำลังเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวัดสุขภาพที่ซับซ้อนเข้าไปในอุปกรณ์ของตนเอง ทำให้เส้นแบ่งระหว่างแกดเจ็ตทั่วไปกับอุปกรณ์ทางการแพทย์เริ่มเลือนรางลง
อย่างไรก็ตาม การเดินทางสายนี้ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะในแง่ของกฎระเบียบ ดังกรณีของ Whoop Inc. ผู้ผลิตสายรัดข้อมือฟิตเนส ที่กำลังคัดค้านคำสั่งของ FDA ซึ่งสั่งให้ระงับฟีเจอร์ตรวจวัดความดันโลหิต เนื่องจากมองว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ยังไม่ได้รับการรับรอง
นอกเหนือจากการพัฒนาฟีเจอร์วัดความดันโลหิตแล้ว Oura ยังได้เปิดตัวการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับแอปพลิเคชันของตนเอง โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ Cumulative Stress ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่าร่างกายจัดการและฟื้นตัวจากความเครียดสะสมในแต่ละสัปดาห์ได้อย่างไร โดยวิเคราะห์จากข้อมูลการนอนหลับ, อัตราการเต้นของหัวใจ, อุณหภูมิ และกิจกรรมต่างๆ
แอปพลิเคชันที่ออกแบบใหม่นี้ยังมีการเพิ่มหน้าแดชบอร์ดสำหรับติดตามข้อมูลสุขภาพ ที่สำคัญ เช่น แนวโน้มการนอนหลับ, ความเครียด และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงแท็บใหม่ Habits และ Routines ที่จะแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอย่างไร นอกจากนี้ ฟีเจอร์ติดตามรอบเดือนและการตกไข่ยังถูกขยายมุมมองจาก 1 เดือนเป็น 12 เดือนอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมการศึกษา Blood Pressure Profile จะต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และใช้แหวน Oura Ring Gen 3 ขึ้นไป โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้ผ่านส่วน Oura Labs ในแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้เข้าร่วมจะต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพและพฤติกรรมบางส่วน ควบคู่ไปกับการสวมใส่แหวนตามปกติ
Oura ย้ำว่าการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานในการศึกษานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลและผลตอบรับที่ได้จะช่วยให้นักวิจัยเข้าใจถึงแนวทางใหม่ๆ ที่เทคโนโลยีสวมใส่จะสามารถนำมาใช้สนับสนุนการวิจัยด้านสุขภาพหัวใจในอนาคตได้
ภาพ: T3 / Contributor/Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-10-20/oura-ring-blood-pressure-tracking-comparison-to-apple-watch-and-fda-discussions
- https://tech.yahoo.com/wearables/articles/oura-testing-hypertension-detection-feature-101712225.html
- https://www.theverge.com/news/802527/oura-ring-stress-blood-pressure-test-app-redesign


