ความหลากหลายถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทางหน่วย Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์กำลังเดินหน้าผลักดันอย่างมุ่งมั่น เนื่องจากช่วงหลายปีหลังมานี้พวกเขาต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดเป็นกระแสด้านลบมากมาย
ล่าสุดทาง AMPAS ก็ได้ออกมาประกาศกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะใช้สำหรับการคัดเลือกภาพยนตร์ที่จะมีสิทธิ์ในการเข้าชิงรางวัล Best Picture หรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อเป็นการผลักดันให้ความเท่าเทียมและความหลากหลายเกิดขึ้นอย่างแท้จริงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อีกทั้งยังเป็นการมอบโอกาสและเปิดพื้นที่ให้แก่เหล่าบุคลากรทั้งกลุ่มคนผิวสี กลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศ, เชื้อชาติ ฯลฯ ได้แสดงศักยภาพอีกด้วย
โดยภาพยนตร์ที่จะมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัล Best Picture จะต้องมีคุณสมบัติสอดคล้องและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้ง 4 หัวข้อใหญ่นี้ ซึ่งแต่ละข้อก็จะมีเงื่อนไขแตกย่อยออกมาอีก
A) การนำเสนอบนจอ ธีมและเรื่องราว ภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัล Best Picture ต้องบรรลุเงื่อนไขอย่างน้อย 1 ใน 3 ข้อดังต่อไปนี้
- นักแสดงนำหรือนักแสดงสมทบที่มีบทบาทสำคัญอย่างน้อย 1 คนต้องมาจากกลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธ์ุที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส (คนเอเชีย, ละติน, ผิวสี, ชนพื้นเมือง, คนจากทวีปตะวันออกกลาง, คนฮาวายหรือชาวเกาะ, คนที่มีเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา)
- 30% ของนักแสดงในบทบาทรองทั้งหมดของภาพยนตร์ต้องมาจากกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส อาทิ ผู้หญิง, กลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ต่างๆ, LGBTQ+, คนพิการ (อย่างน้อย 2 ประเภท)
- เรื่องราวของภาพยนตร์ ธีมหรือการเล่าเรื่องต้องมาจากกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส (ผู้หญิง, กลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ต่างๆ, LGBTQ+, คนพิการ) เป็นจุดศูนย์กลาง
B) ความสร้างสรรค์ของผู้นำและทีมงาน ภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัล Best Picture ต้องบรรลุเงื่อนไขอย่างน้อย 1 ใน 3 ข้อดังต่อไปนี้
- ตำแหน่งหัวหน้าแผนกต่างๆ (โปรดิวเซอร์, ผู้กำกับ, ตากล้อง, คนตัดต่อ, คนออกแบบเสื้อผ้า ฯลฯ) อย่างน้อย 2 คนต้องมาจากกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส (ผู้หญิง, กลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ต่างๆ, LGBTQ+, คนพิการ) และสมาชิกในแต่ละแผนกต่างๆ ต้องมีอย่างน้อย 1 คนที่มาจากกลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธ์ุที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส (คนเอเชีย, ละติน, ผิวสี, ชนพื้นเมือง, คนจากทวีปตะวันออกกลาง, คนฮาวายหรือชาวเกาะ, คนที่มีเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา)
- ทีมงานฝ่ายเทคนิคอย่างน้อย 6 คน (ไม่รวมผู้ช่วยฝ่ายผลิต) ต้องมาจากกลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธ์ุที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส (คนเอเชีย, ละติน, ผิวสี, ชนพื้นเมือง, คนจากทวีปตะวันออกกลาง, คนฮาวายหรือชาวเกาะ, คนที่มีเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา)
- 30% ของทีมงานทั้งหมดของภาพยนตร์ต้องมาจากกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส อาทิ ผู้หญิง, กลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ต่างๆ, LGBTQ+, คนพิการ
C) การเข้าถึงและโอกาสในอุตสาหกรรม ภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัล Best Picture ต้องบรรลุเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อดังต่อไปนี้
- บริษัทที่จัดจำหน่ายหรือผู้ออกทุนให้กับภาพยนตร์ต้องจ่ายเงินให้แก่คนที่มาฝึกงานในกองภาพยนตร์ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส อาทิ ผู้หญิง, กลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ต่างๆ, LGBTQ+, คนพิการ
- บริษัทผลิตภาพยนตร์, บริษัทผู้จัดจำหน่ายหรือผู้ออกทุนให้กับภาพยนตร์ต้องมีการเสนอฝึกสอนหรือโอกาสในการทำงาน เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถให้แก่กลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส อาทิ ผู้หญิง, กลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ต่างๆ, LGBTQ+, คนพิการ
– การพัฒนาผู้ชม ภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัล Best Picture ต้องบรรลุเงื่อนไขดังต่อไปนี้
สตูดิโอหรือบริษัทผลิตภาพยนตร์ต้องมีผู้บริหารที่เป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส (ผู้หญิง, LGBTQ+, คนพิการ, คนเอเชีย, ละติน, ผิวสี, ชนพื้นเมือง, คนจากทวีปตะวันออกกลาง, คนฮาวายหรือชาวเกาะ, คนที่มีเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา) อยู่ในทีมการตลาดและการจัดจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าสำหรับงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 และ 95 ในอีก 2 ปีข้างหน้า (2022 และ 2023) กฎเกณฑ์ใหม่ที่ทาง The Academy ตั้งขึ้นจะยังคงอยู่ในช่วงของการพิจารณาบังคับใช้ แต่จะเริ่มใช้จริงในงานครั้งที่ 96 หรือในปี 2024 ซึ่งถึงเวลานั้นภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงสาขา Best Picture ได้จะต้องผ่านเกณฑ์การคัดเลือก 2 ใน 4 ข้อเป็นอย่างน้อย
ภาพ: Rachel Luna / Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: