บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เปิดแผนงานปี้นี้ภายใต้คอนเซปต์ ORIGIN NEXT LEVEL เพื่อต่อยอดการเติบโตนอกเหนือธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นำร่องด้วย Logistics Center, Healthcare, บริหารสินทรัพย์ โดยเน้นการจับมือพาร์ตเนอร์ผู้มีความเชี่ยวชาญ ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยยังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท คาดโกยยอดขาย 29,000 ล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมเป้ารายได้รวม 14,000 ล้าน
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาออริจิ้นสามารถสร้างผลงานที่ดีได้ แม้จะมีปัจจัยที่ไม่คาดคิดมาก่อนเกิดขึ้น อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนปี 2564 ORI จะเดินหน้าทำธุรกิจให้ Beyond ไปกว่าการผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย
โดย 3 ธุรกิจใหม่ที่ ORI จะรุกเข้าไป คือ Logistics Center, Healthcare, บริหารสินทรัพย์ เนื่องจาก ORI มองเห็นโอกาสธุรกิจเหล่านี้จะเติบโตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เบื้องต้นคาดหวังรายได้อื่นๆ จะอยู่ที่ 10% ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 15% ใน 3 ปี จะเพิ่มเป็น 30% ของรายได้รวมภายใน 5 ปี
ทั้งนี้ วิธีการรุกธุรกิจใหม่จะเน้นการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ
“3 แกนธุรกิจใหม่ที่เราจะรุกเข้าไปล้วนเป็นเมกะเทรนด์ ปีที่ผ่านมาทั่วโลกเผชิญกับโควิด-19 ทำให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หากเราสามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่พ่วงด้วยสุขภาพได้ ก็จะทำให้ขีดความสามารถแข่งขันเราดีขึ้น ในส่วนของโลจิสติกส์จะเติบโตไปตามเทรนด์อี-คอมเมิร์ซ ที่เติบโตอย่างมากในปัจจุบัน ส่วนธุรกิจสินทรัพย์เข้าไปมีส่วนร่วมเพราะเห็นโอกาสในการเข้าสู่ตลาดนี้ในช่วงระดับหนี้สาธารณะของไทยกำลังปรับตัวสูงขึ้น เราจะคอนเวิร์ตกลับมาเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับประเทศไทย”
สำหรับภาพรวมผลประกอบการปี 2564 บริษัทจะมียอดขายในปี 2564 ถึง 29,000 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท หรือเป็น All Time High และมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท
ปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ORI และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) กล่าวว่า การก้าวไปแบบ Next Level จะก้าวไปด้วยธุรกิจใหม่อีก 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) อาทิ กลุ่มธุรกิจเสริมความงาม กลุ่มศูนย์บริการสุขภาพ กลุ่มแพลตฟอร์มให้บริการสุขภาพออนไลน์และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ โดยมีแผนสร้างโครงการเวลเนส เฮลท์แคร์ ที่คอมเพล็กซ์ รามอินทรา คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2566 และออริจิ้น เวลเนส บางนา ทำเวลเนสเซ็นเตอร์และเรสซิเดนท์ เปิดตัวปี 2565
2. กลุ่มธุรกิจศูนย์โลจิสติกส์ (Logistic Center) ดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ภายใต้การร่วมทุนกับ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจร่วมกันได้ช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
3. กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company หรือ AMC) นำรากฐาน องค์ความรู้ และความพร้อมในเครือบริษัท มาต่อยอดสู่การดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างเข้มแข็งและครบวงจร ร่วมกันบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้บริโภค การคัดกรองทรัพย์ การพัฒนาโครงการ การรีโนเวท การขาย การตลาด มาเพิ่มมิติในการดูแลผู้บริโภคและมิติการเติบโตสู่อีกระดับของเครือฯ คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจและพันธมิตรได้เร็วๆ นี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยในปีนี้จะพัฒนาโครงการ One Origin Sanampao เป็นโครงการอาคารสำนักงานแห่งแรกของ ORI ขนาดพื้นที่กว่า 56,100 ตารางเมตร ติด BTS สนามเป้า ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ความต้องการอาคารสำนักงานในฝั่งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ที่ยังคงขยายตัวได้ดี เชื่อมั่นว่าสินค้าและบริการของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จะตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชันในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต
“จากการศึกษาพบว่า ใน 5 ปีข้างหน้า จะมีความต้องการอาคารสำนักงานให้เช่าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ อาทิ สนามเป้า ซึ่งจากข้อมูลพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวมี Occupancy Rate เฉลี่ย 95%”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
