บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR มีกำไรในไตรมาส 4/64 จำนวน 2,354 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4%YoY โดยเป็นการเติบโตจากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ขณะที่กำไรทั้งปี 2564 อยู่ที่ 11,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% จากงวดปี 2563
OR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 มีรายได้ขายและบริการ 157,839 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 44.2% จากไตรมาส 4/63 ที่มีรายได้ขายและบริการ 109,496 ล้านบาท
ในไตรมาส 4/64 OR มีกำไรสุทธิ 2,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 462 ล้านบาท (+24.4%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 0.04 บาท (+25.0%)
สาเหตุหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศไทย และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนในช่วงสิ้นปี ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น สำหรับความต้องการใช้น้ำมันของโลกกำลังฟื้นตัวด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระจายวัคซีนที่รวดเร็วในหลายประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกโดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ปัจจัยทั้งหมดข้างต้นทำให้กลุ่มธุรกิจน้ำมัน (กลุ่มธุรกิจ Mobility) มีรายได้ขายเพิ่มขึ้น 35.4% ส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 24.1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและเบนซิน เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Non-Oil (กลุ่มธุรกิจ Lifestyle) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 34.5% ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และกิจกรรมการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (กลุ่มธุรกิจ Global) มีรายได้เพิ่มขึ้น 31.3% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในต่างประเทศ
EBITDA ในไตรมาส 4/64 จำนวน 4,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367 ล้านบาท (+9.1%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/64 โดยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้นกว่า 46.0% โดย EBITDA Margin ดีขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตรากำไรอ่อนตัวลงจากภาวะกดดันในการปรับราคาขายหน้าสถานีบริการในช่วงราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาคประชาชน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Global ปรับตัวลดลง (-23.1%) ตามกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลงใน สปป.ลาว เป็นหลัก
สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น (+28.9%) โดยหลัก คือ ค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ค่าจ้างเติมน้ำมันอากาศยาน ค่าขนส่ง เป็นต้น รวมถึงค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา
ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2564 OR มีรายได้ขายและบริการ 511,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% จากปี 2563 ที่มีรายได้ขายและบริการ 428,804 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวดปี 2564 11,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% จากงวดปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 8,791 ล้านบาท
จัดสรรงบลงทุน 5 ปี 9.3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ OR มีแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2565-2569) จำนวน 93,462 ล้านบาท แบ่งเป็น
กลุ่มธุรกิจ Mobility 33,894 ล้านบาท (36.3%)
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle 20,337 ล้านบาท (21.8%)
กลุ่มธุรกิจ Global 13,229 ล้านบาท (14.2%)
กลุ่มธุรกิจ Innovation & New Business 19,108 ล้านบาท (20.4%)
Others 6,894 ล้านบาท (7.4%)
โดย OR มีแผนการดำเนินงานในปี 2565 ดังนี้
กลุ่มธุรกิจ Mobility
- รักษาสถานะความเป็นผู้นำในประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Oil Ecosystem) ทั้งธุรกิจตลาดค้าปลีกน้ำมันและธุรกิจตลาดพาณิชย์และผลิตภัณฑ์หล่อลื่น
- ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจจาก Oil Ecosystem ไปยังธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (Energy Solution Ecosystem) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยเริ่มจากการลงทุนขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ซึ่งจะเปิดให้บริการทั้งในและนอกสถานีบริการ PTT Station ในปี 2565 มีแผนจะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมเส้นทางหลักและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์สำคัญทั่วประเทศ พร้อมทั้งนำเสนอโซลูชัน เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การติดตั้ง Solar Rooftop ทั้งภายในและภายนอกสถานีบริการ PTT Station และยังเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ในการจำหน่ายอุปกรณ์และบริการติดตั้ง การบำรุงรักษาสำหรับตัวแทนจำหน่ายสถานีบริการ PTT Station และการจำหน่ายไฟฟ้าที่ OR ติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับกลุ่มลูกค้านอกสถานีบริการ เช่น กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เป็นต้น
- ใช้ประโยชน์จาก PTT Station ซึ่งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในการเป็น Physical Platform สำหรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility และ Lifestyle อื่นๆ รวมถึงความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร ซึ่งจะทำให้สถานีบริการ PTT Station มีความหลากหลายในสินค้าและบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle
- รักษาสถานะความเป็นผู้นำในตลาดร้านกาแฟ ผ่านการพัฒนาเครือข่ายของแบรนด์ Cafe Amazon พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการควบคู่กัน
- เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ของ Cafe Amazon เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กาแฟดริป กาแฟ Cold Brew รวมถึงสินค้าสำหรับบริโภคที่บ้าน (Other home use products) เป็นต้น
- บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นให้ PTT Station ให้กลายเป็น Physical Platform สำหรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility และ Lifestyle และการหาคู่ค้าให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภค
- บริหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านการขยายขนาดการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) โดยแสวงหาโอกาสร่วมทุน หรือการซื้อกิจการ (M&A) เพื่อสร้างความยั่งยืนตลอด Supply Chain
- Diversify Portfolio โดยแสวงหาโอกาสร่วมทุน หรือการซื้อกิจการ เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทั้งในธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
กลุ่มธุรกิจ Global
- ขยายฐานการดำเนินธุรกิจสู่ตลาดโลก โดยใช้ประโยชน์จากแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินกิจการสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ผสมผสานและปรับผลิตภัณฑ์ของ OR ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแต่ละประเทศ (Localization)
- แสวงหาโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าซื้อกิจการ และ/หรือร่วมทุนต่างประเทศ ทั้งธุรกิจใหม่ในพื้นที่เดิมที่ OR มีฐานในการดำเนินธุรกิจและเชี่ยวชาญในพื้นที่ และธุรกิจในพื้นที่ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ
กลุ่มธุรกิจ Innovation & New S-Curve
- พัฒนารูปแบบการชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี และตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็ว ถูกต้อง ปลอดภัย และไร้การสัมผัส
- การร่วมลงทุนในหลายธุรกิจ เพื่อผนึกกำลังประสานจุดแข็งของพันธมิตร อาทิ ลงทุนผ่านกองทุน ORZON Ventures เพื่อลงทุนสตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้นกิจการ (Early-stage)
- มุ่งเน้นการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยใช้ศักยภาพที่ OR มีอยู่ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ในการร่วมกันแก้ปัญหา เพื่อสร้างตลาดใหม่และธุรกิจใหม่ เพื่อยกระดับสู่นวัตกรรมในแบบฉบับ OR (OR Innovation)