หลังจากไตรมาสที่ 4 ปี 2561 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม) OPPO ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้ใครต่อใครหลายคน ยึดหัวหาดอันดับ 1 เจ้าตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยได้สำเร็จด้วยส่วนแบ่ง 22.2% (โตขึ้นจากปีก่อนหน้า 69.8%)
ตั้งแต่ต้นปี 2562 มานี้ พวกเขายังคงเดินหน้ารุกหนักตลาดสมาร์ทโฟนเซกเมนต์กลางที่เป็นเจ้าตลาดมาโดยตลอด เพราะเข้าใจถึงความสำคัญของสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์นี้เป็นอย่างดี
แม้ช่วงต้นปีและกลางปีที่ผ่านมา OPPO จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่เจาะเซกเมนต์ดังกล่าวมาแล้วถึง 2 รุ่น ทั้ง F11 (เดือนมีนาคม) และ ‘Reno Series’ (เดือนมิถุนายน) ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ แต่ก็ดูเหมือนแบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีนรายนี้ยังคงไม่หนำใจ
เพราะล่าสุดวันนี้ (9 ตุลาคม) OPPO ประเทศไทยได้จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ OPPO Reno2 และ Reno2F โดยเป็นการยุบเอา F Series เข้ามารวมกับ Reno Series แบบเบ็ดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
นั่นหมายความว่าต่อไปนี้สมาร์ทโฟนในเซกเมนต์กลางของ OPPO จะไม่มีโมเดล F อีกต่อไป แต่จะมาอยู่รวมกับ Reno แทน เป็น Reno2F (F Series เดิม) และ Reno2 (Reno) หลังทำตลาด F Series มาตั้งแต่ F1 ในปี 2559
ส่งผลให้เซกเมนต์สมาร์ทโฟนของ OPPO ต่อจากนี้จะเหลือเพียง 4 ซีรีส์ ได้แก่ A Series (เจาะกลุ่มตลาดล่าง ราคาประมาณ 3,000-8,000 บาท, K Series (ขายเฉพาะออนไลน์ เจาะตลาดกลาง 9,000-10,000 บาท), Reno Series (เจาะตลาดกลาง 10,000-20,000 บาท) และ Find Series (เจาะไฮเอนด์ เริ่ม 30,000 บาท)
ชานนท์ จิรายุกุล รองประธานกรรมการฝ่ายบริหาร OPPO ประเทศไทย ให้เหตุผลภายใต้การเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ OPPO ในครั้งนี้ไว้ว่า เพื่อ ‘ปรับทัพใหม่’ ให้ไลน์ผลิตภัณฑ์และเซกเมนต์สมาร์ทโฟนของ OPPO ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคจดจำได้ง่ายแล้ว ยังถือเป็นการ ‘เสริมเขี้ยวเล็บ’ ให้กับ F Series ไปในตัวเมื่อถูกจับมาอยู่ใน Reno
เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น เดิม OPPO มี F Series (ราคา 10,990 บาท) ที่เอาไว้เจาะเซกเมนต์กลาง ส่วนกลางปีที่ผ่านมาได้งอกโมเดลใหม่ Reno เจาะตลาดกลางค่อนบน (เริ่มต้น 16,990 บาท) แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เปลี่ยนไป แบรนด์จึงเอาสมาร์ทโฟนเซกเมนต์กลาง 2 โมเดลมารวมร่างกันแล้วพัฒนาดีไซน์ ฟีเจอร์ และประสิทธิภาพการใช้งานให้พรีเมียมและสมบูรณ์แบบมากกว่าเดิม
สเปกคร่าวๆ ของ OPPO Reno2 ทั้งสองโมเดลมีดังนี้
1. OPPO Reno2 F: กล้องหลัง 4 ตัว (เลนส์หลัก 48 MP, เลนส์ Ultra Wide 8MP เลนส์ Mono และ Portrait 2 MP), กล้องหน้า 16MP แบบ Rising Camera เลื่อนขึ้นลงอัตโนมัติซ่อนในตัวเครื่อง จอเป็น Full Screen ไร้ติ่งกล้องและขอบ Notch, ชิป MediaTek Helio P70, Rom 128 GB, Ram 8 GB, มี 2 สีคือขาว Sky White และเขียว Lake Green
2. OPPO Reno2: กล้องหลัง 4 ตัว (เลนส์หลัก 48MP, เลนส์ Ultra Wide 8MP Macro 2.5 cm, เลนส์ Tele 13 MP รองรับ Digital Zoom 20 เท่า, เลนส์ Mono 2 MP), มีฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอกันสั่น Ultra Steady Video และถ่ายกลางคืน Ultra Dark Mode, ชิป Snapdragon 730G, Rom 256 GB, Ram 8 GB, มี 2 สีคือ ดำ Luminous Black และชมพู Sunset Pink
เมื่อถามถึงการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนไทย ณ เวลานี้ โดยเฉพาะเซกเมนต์กลางที่ OPPO เป็นเจ้าตลาดมาโดยตลอด (ครองส่วนแบ่งมากกว่า 60%) ชานนท์ยอมรับว่า ณ ปัจจุบันแบรนด์ของพวกเขาหล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของตลาดแล้ว แต่เชื่อว่าการปรับทัพในครั้งนี้น่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกได้ และปลายปีนี้ก็น่าจะมีเซอร์ไพรส์จากฝั่ง OPPO ให้เห็นกันอีกแน่นอน
“จนถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตลาดโดยรวมมีการเติบโตเชิงปริมาณเพิ่มขึ้น 6-8% แต่ตัวเลขเม็ดเงินยังไม่โต เนื่องจากสองเหตุผลคือเศรษฐกิจ และการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง (แข่งกันทำราคา) แต่เชื่อว่าจบปีนี้จะโตขึ้นแน่ เนื่องจากผู้บริโภคบางรายยังรอซื้อสมาร์ทโฟนจากบางแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวไป
“ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนเซกเมนต์กลางวันนี้แข่งกันรุนแรงมาก ดูได้จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และการลงสื่อ ซึ่งการที่เราแข็งแกร่งในเซกเมนต์นี้จึงช่วยให้เราขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนได้ ผมมองว่าการปรับทัพในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เรามากยิ่งขึ้นไปอีก
“เราต้องการครองเบอร์หนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนไทย ณ วันนี้เราทำได้แล้วกับเซกเมนต์ล่างและกลาง เหลือแค่บน (ไฮเอนด์ พรีเมียม) ที่ยังเป็นจุดอ่อนของ OPPO ถ้าเราปิดช่องโหว่นี้ได้ เกมก็จบ เร็วๆ นี้เราจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเซกเมนต์ดังกล่าวเพื่อยกระดับ Find Series อีกครั้ง”
รองประธานกรรมการฝ่ายบริหาร OPPO ไทย ยอมรับกับสื่อมวลชนว่าการทำตลาดสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์ไฮเอนด์ พรีเมียม ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดย OPPO จะค่อยๆ เดินเกมไปทีละสเตป เนื่องจากแบรนด์คู่แข่งที่ทำตลาดในเซกเมนต์นี้มีความช่ำชองและอยู่ในตลาดมานานกว่า 10 ปี
ถึงอย่างนั้นก็ดี ชานนท์เผยว่าต่อจากนี้ผู้บริโภคจะได้เห็นสมาร์ทโฟนเซกเมนต์ไฮเอนด์ของ OPPO ถี่ขึ้น ปีละ 2 รุ่นเป็นอย่างน้อย และน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีเพื่อครองตลาดนี้ในไทยให้ได้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์