×

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: ทำไมแฮร์ริสเลือก ทิม วอลซ์ เป็นคู่หูท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต

07.08.2024
  • LOADING...

เพียงสองสัปดาห์หลังจากที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันประกาศไม่ลงเลือกตั้งอีกสมัย คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีก็สามารถรวบรวมเสียงคณะผู้แทนเลือกตั้ง (Delegate) ได้เกินครึ่งหนึ่ง และได้เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตคนใหม่ในการลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งภารกิจแรกที่แฮร์ริสต้องทำก็คือการสรรหาคู่หูมาลงชิงชัยในตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับเธอ ซึ่งในช่วงเช้าของวันอังคารที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐอเมริกา แฮร์ริสก็ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าเธอเลือกผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาคนปัจจุบันอย่าง ทิม วอลซ์ มาเป็นคู่หูของเธอ

 

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับวอลซ์ให้มากขึ้น และวิเคราะห์เบื้องหลังว่าทำไมแฮร์ริสถึงเลือกเขามาร่วมบัตรเลือกตั้งใบเดียวกับเธอ

 

แฮร์ริสต้องเลือกชายผิวขาว

 

ด้วยความที่แฮร์ริสเป็นผู้หญิงผิวดำ ดังนั้นก็เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเธอจะต้องเป็นผู้ชายผิวขาว เพื่อทำให้ชาวอเมริกันผิวขาวจำนวนมากรู้สึก ‘รับได้’ ว่าทำเนียบขาวจะไม่ได้ถูกครอบงำโดยคนผิวดำแต่เพียงฝ่ายเดียว (เหมือนบารัก โอบามา ซึ่งเป็นชายผิวดำเลือกไบเดนมาเป็นคู่หูในปี 2008)

 

ซึ่งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่าน แฮร์ริสสัมภาษณ์นักการเมืองชายผิวขาวหลายคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะมาเป็นเบอร์สองของเธอ ได้แก่ แอนดี บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี, จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย, มาร์ค เคลลี สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐแอริโซนา, และ พีต บุตติเจต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ในที่สุดเธอก็เลือก ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา มาเป็นเบอร์สองของเธอ

 

ทิม วอลซ์ เป็นใคร?

 

วอลซ์เริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมลรัฐมินนิโซตาเขตหนึ่ง ซึ่งเป็นเขตชนบททางใต้ของมลรัฐ โดยก่อนที่เขาจะมาเล่นการเมือง เขาเคยรับราชการทหารและเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ระดับมัธยมมาก่อน เขาเป็น สส. ติดกันถึง 6 สมัยก่อนจะตัดสินใจมาเล่นการเมืองในระดับมลรัฐ โดยเขาชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้ว่าการรัฐในปี 2018 และชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ได้เป็นผู้ว่าการรัฐในสมัยที่ 2 ในปี 2022

 

ในสมัยที่เขายังเป็น สส. นั้น วอลซ์เป็นนักการเมืองแบบกลางซ้าย (เพราะเขาเป็น สส. จากเขตชนบท ทำให้เขาไม่สามารถโหวตแบบซ้ายจัดได้) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสิทธิในการครอบครองอาวุธปืน ที่เขาโหวตสวนพรรคเดโมแครตแทบจะทุกครั้งที่พรรคเสนอกฎหมายจำกัดการถือครองอาวุธปืน จนเขาได้รับเกรดเอจากสมาคมผู้ถืออาวุธปืนหรือ National Rifle Association

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้รับเลือกมาเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตานั้น เขาก็ดำเนินนโยบายแบบซ้ายเต็มตัว (เพราะมินนิโซตาเป็นมลรัฐเสรีนิยม) ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอาหารกลางวันฟรีกับเด็กทุกคน, กัญชาเสรี, การทำแท้งถูกกฎหมาย, กฎหมายการจำกัดการถือครองอาวุธปืน และสิทธิในการลาป่วย และการลาไปดูแลคนในครอบครัว

 

เป็นที่รักของฝ่ายซ้ายและกลางซ้ายในพรรค

 

เป็นที่คาดการณ์กันว่าเหตุผลหลักที่แฮร์ริสเลือกวอลซ์มาเป็นคู่หู เป็นเพราะเขาได้รับการยอมรับจากคนในพรรคทั้งฝ่ายซ้ายและกลางซ้าย ซึ่งเป็นสองปีกสำคัญที่จะส่งแฮร์ริสไปสู่ชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน

 

สำหรับฝ่ายซ้ายในพรรคนั้น พวกเขาพอใจกับผลงานของวอลซ์ในฐานะผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างมาก ด้วยนโยบายที่กล่าวมาในข้างต้นที่วอลซ์สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง (ซึ่งในหลายๆ มลรัฐสีน้ำเงินก็สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้) โดยที่ผู้นำของฝ่ายซ้ายในพรรคอย่าง อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-กอร์เตส และ เบอร์นี แซนเดอร์ส ก็ชื่นชมการตัดสินใจของแฮร์ริส

 

ในขณะเดียวกัน สถิติการโหวตของเขาในสมัยเป็น สส. ก็บ่งชี้ว่าเขาไม่ใช่พวกซ้ายจัดเกินไป รวมถึงภาพลักษณ์ของเขาที่ดูเป็นคุณพ่อชาวมิดเวสต์ที่นิยมชมชอบการทำงานช่างและการล่าสัตว์ ก็ทำให้เขาดูเป็นคนที่อยู่กลางๆ และน่าจะทำให้ชาวผิวขาวในเขตมิดเวสต์สบายใจที่จะลงคะแนนเลือกตั้งให้เขา ทำให้นักการเมืองสายกลางซ้ายของพรรคเช่น สว. จากรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย อย่าง โจ แมนชิน ออกมาให้การสนับสนุนเขาเช่นกัน

 

ผลกระทบต่อการเลือกตั้ง

 

เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักวิเคราะห์ทางการเมืองว่า ผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีนั้นมีผลต่อการแพ้ชนะน้อย เพราะชาวอเมริกันส่วนใหญ่ตัดสินใจโหวตที่ตัวประธานาธิบดีไม่ใช่รองประธานาธิบดี ยกเว้นแต่ว่าผู้สมัครรองประธานาธิบดีนั้นมีข้อบกพร่องหรือเรื่องอื้อฉาวมากจริงๆ อย่างเช่นกรณีของ ซาราห์ เพลิน ในปี 2008 ดังนั้นการเลือกผู้ที่จะมาเป็นคู่หูของผู้สมัครประธานาธิบดีในยุคปัจจุบัน จึงเน้นไปที่การเลือกผู้ที่ไม่มีเรื่องอื้อฉาวหรือเป็นสายล่อฟ้าที่จะมาสร้างความแตกแยกในพรรค ซึ่งวอลซ์ก็มีคุณสมบัติครบตามที่ว่ามานี้ แต่ว่าวอลซ์เองอาจจะไม่ได้ส่งผลบวกต่อโอกาสชนะการเลือกตั้งของแฮร์ริสเท่าไร เพราะมินนิโซตาของเขาเป็นมลรัฐสีน้ำเงินอยู่แล้ว

 

อันที่จริงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกคู่หู ทีมงานของแฮร์ริสเล็งนักการเมืองที่มาจากมลรัฐสีม่วงอย่างชาปิโรและเคลลี (เพราะผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีมักจะสามารถเพิ่มคะแนนที่มลรัฐบ้านเกิดของตัวเองได้ 1-2%) แต่สุดท้ายเธอก็ไม่เลือกทั้งคู่ เพราะชาปิโรมีแนวคิดสนับสนุนอิสราเอลอย่างเข้มข้น (ตัวเขาเองก็เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิว) ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการต่อต้านและประท้วงจากฝ่ายซ้ายในพรรคโดยเฉพาะจากกลุ่ม Gen Z ส่วนเคลลีก็มีปัญหากับสายแรงงานในพรรค เพราะเขามีแนวคิดต่อต้านการรวมกลุ่มกันของแรงงานในรูปแบบ Union เพื่อต่อรองค่าแรงและสวัสดิการ

 

เกาะติด การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ได้ที่ เว็บไซต์พิเศษ : เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 และ Facebook : THE STANDARD

 

ภาพ: Brendan Smialowski / AFP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X