ครึ่งปี 2017 ผ่านไป แต่ยังเหลืออีกตั้งครึ่ง! เป็นครึ่งปีที่ดูเหมือนจะผ่านไปเร็วมาก เพลงใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ศิลปินที่ออกผลงานเป็นอัลบั้มก็เยอะ คือฟังยังไงก็ไม่ทัน! แต่ผมก็ตามกดเพลงใหม่ฟังอยู่เรื่อยๆ เพราะไม่อยากตกยุค หรือเพราะผมชอบฟังเพลงก็ไม่รู้ แล้วก็ยังชอบฟังเป็นอัลบั้มอยู่ ผมก็เลยอยากจะแนะนำสัก 20 อัลบั้มที่หากใครได้เป็นเจ้าของซีดี แผ่นเสียง หรือจะฟังจากสตรีมมิง รับประกันได้ว่าต้องเพราะแน่ๆ
1. DAMN. – Kendrick Lamar
ผมเริ่มตามงานของเคนดริก ลามาร์ ตั้งแต่อัลบั้มที่แล้ว หมอนี่มีของ! เขาไม่ใช่ศิลปินที่ทำเพลงแรปหรือฮิปฮอปธรรมดา แต่เขาใส่ทั้งโซล ฟังก์ บลูส์ และแจ๊ซ ในอัลบั้มของเขาด้วย คือทำออกมานี่คาดไม่ถึงเลย ยังไม่นับรวมการเป็นเพื่อนกับบารัก โอบามา และริฮานน่ากับ U2 ก็มาร่วมทำอัลบั้มใหม่ชุดนี้ DAMN. งานของเขาต้องฟังทั้งชุดดีกว่าฟังทีละเพลง ดิบ โหด โศกเศร้า เคล้า เจ็บปวด
เพลง DNA.
2. Volcano – Temples
อัลบั้มที่ 2 ของวงจากเกาะอังกฤษที่มีความเฟี้ยวเงาะเหมือนชุดแรก เพลงของวงนี้เป็นไซคีเดลิก แต่มีความป๊อปในตัว เป็นวงที่ทำเพลงไม่ตื๊ดเท่า MGMT แต่ก็ไม่หลอนเท่ากับ Tame Impala แต่ 3 วงนี้จัดอยู่ในห่อเดียวกันได้ อัลบั้มได้รับการผลักดันจากทั้งโนล กัลลาเกอร์ แห่ง Oasis และจอห์นนี มาร์ แห่ง The Smiths และเพลงยังฟังให้นึกถึงเดวิด โบวี่ ไปจนถึง Pink Floyd คือเอาเป็นว่านี่จะเหมาทุกยุคทุกสมัยเลยใช่ไหม แต่ดี!
เพลง Strange Or Be Forgotten
3. How Did We Get So Dark? – Royal Blood
เป็นอัลบั้มที่มันที่สุดในรอบ 2-3 ปีเลย ใครชอบ The White Stripes, Queens of the Stone Age, Muse ไปจนถึง Led Zeppelin น่าจะชอบวงนี้ ดูโอ Royal Blood จากเมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ ความน่าทึ่งของวงนี้คือต้องลองฟังเพลงดูก่อน แล้วจะไม่เชื่อเลยว่าวงนี้มีกันสองคน และมีเครื่องดนตรีแค่ 2 ชิ้นจริงๆ คือคนหนึ่งเล่นเบส อีกคนฟาดกลอง เพราะซาวด์ออกมาอลังการงานสร้างมาก แบบนี้สิ ดรัมแอนด์เบสของจริง เปิดวอลุ่ม 10 รอไว้เลย
เพลง I Only Lie When I Love You
4. Harry Styles – Harry Styles
จริงๆ ผมไม่กล้าแตะหนุ่มคนนี้มาก คล้ายๆ กับร็อบบี้ วิลเลียมส์ กับวง Take That และจัสติน ทิมเบอร์เลก แห่ง NSYNC เมื่อแฮรี่ สไตล์ส สลัดคราบของสมาชิก One Direction ก็ถึงเวลาบินสูง เพลงในอัลบั้มมีความเป็นป๊อป แต่กรีดเลือดมาคงเป็นร็อก คือมีความกระแทกกระทั้น เพลงช้าทะลุกลางใจทุกเพลง เขาเล่นกับน้ำเสียงตัวเองให้ได้นึกถึงเอลตัน จอห์น ด้วย นี่แค่ชุดแรก แถมจะแสดงหนังอีกด้วย คงไปได้อีกไกลเลยครับ
เพลง Sign of the Times
5. Cigarette After Sex – Cigarette After Sex
วงดนตรีที่เพิ่งมาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านเรา ตั๋ว sold out ในเวลาอันรวดเร็ว พวกเขามาจากเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เพลงของเขาเป็นหลวงวิจิตร แช่มช้า มีความดีงาม อ่อนช้อย แอมเบียนท์ป๊อปละเมียดละไม เสียงกระซิบอันแผ่วเบาเหมือนลานา เดล เรย์ ที่ปรินิพพานแล้วบนกีตาร์อันหวานละมุน
เพลง Apocalypse
6. I See You – The xx
วงดนตรี 3 ชีวิตจากอังกฤษวงนี้กลับมากับอัลบั้มที่ 3 ซึ่งยังเปี่ยมไปด้วยความเท่บาดจิต มีซาวด์เป็นของตัวเอง การร้องสลับชาย-หญิงที่พอเหมาะพอเจาะกัน กีตาร์และเบสเล่นไม่กี่โน้ต แต่มีความทรงพลัง พอรวมกันทั้งหมดมันได้ความกลมกลืนแบบมินิมัลลิสม์ อัลบั้มมีมิติของเพลงมากขึ้นกว่า 2 อัลบั้มแรก อาจจะมาจากการที่มีอัลบั้ม In Colour ของ Jamie xx มาคั่นก่อน
เพลง I Dare You
7. The Weather – Pond
ไม่ต้องสงสัย หากใครจะเทียบวง Pond กับ Tame Impala พวกเขาเหมือนฝาแฝดคลานตามกันมาจากออสเตรเลีย ที่เป็นอย่างนั้นเพราะสมาชิกวง สองคนก็เป็นมือกลองและมือกีตาร์ของ Tame Impala แท้ๆ ด้วย คือทำ 2 วงว่างั้น (เอ๊ะ ฟังคล้ายๆ ศิลปินไทย) แถมอัลบั้มนี้ยังโปรดิวซ์ด้วยฟรอนต์แมนของ Tame Impala อีก เพลงไซคีเดลิกเป็นซินธ์ป๊อป เท่ หลอน ล่องลอย หลายเพลงก็หลุดโลก
เพลง Paint Me Silver
8. Hang – Foxygen
ใครชอบฟังบรอดเวย์บ้าง เพลงแนวอินดี้ร็อกก็ผสมบรอดเวย์ได้นะ สองหนุ่มนามหมาจิ้งจอกซิเจน ทำเพลงด้วยการใส่ออร์เคสตรา 40 ชีวิตลงไปในอัลบั้มด้วย เราก็ได้ฟังเครื่องสายสวยๆ เครื่องเป่าเพราะๆ คอรัสดีๆ ตัดเปลี่ยนอารมณ์ฉับไว ฟังแล้วนึกถึง Divine Comedy, Belle and Sebastian มีอิทธิพลลอยๆ จาก The Beatles และ The Velvet Underground และมีความเพี้ยนของเพลงในแบบ The Lemon Twigs กับ The Flaming Lips ปนไปอีกด้วย
เพลง Follow The Leader
9. Pure Comedy – Father John Misty
ถ้าอยากฟังเพลงซีเรียสสักอัลบั้ม Father John Misty ช่วยได้ครับ เพลงของอดีตสมาชิกวง Fleet Foxes มีเรื่องราวรุนแรง เกลียดการเมือง เบื่อโซเชียลมีเดีย (เอ่อ ใครไม่เบื่อบ้าง?) บนความเป็นโฟล์กที่มีเปียโนและเครื่องเป่า น้ำเสียงต่ำๆ เหมือนฟังบ็อบ ดีแลน กับลีโอนาร์ด โคเฮน และเป็นภาคมืดของ Divine Comedy แต่ไม่หม่นเท่า Tindersticks แค่ปกก็สุดยอดแล้ว
เพลง Pure Comedy
10. LANY – LANY
11. Ultralife – Oh Wonder
สองวงนี้จะมาเปิดคอนเสิร์ตบ้านเราห่างกันหนึ่งวัน แนวเพลงก็คล้ายกัน วงแรกเป็นวงน้องใหม่มาแรง เป็นชาย 3 คนจากแคลิฟอร์เนีย วงหลังเป็นคู่ดูโอชาย-หญิงมาจากอังกฤษ ร้องเพลงซ้อนกัน ทำเพลงติดหูง่ายทั้งคู่ เป็นวงที่ทำเพลงเพราะมาก บัตร sold out อย่างรวดเร็วทั้งคู่ พวกเขาเป็นตัวแทนของวงสมัยใหม่ที่ไม่หยุดแค่เพียงทำเพลงป๊อปธรรมดา แต่ใส่ทั้งอิเล็กทรอนิกส์และโซลไว้ในเพลงด้วย
เพลง 13
เพลง Heavy
12. Melodrama – Lorde
สาวน้อยมหัศจรรย์ที่ออกอัลบั้มแรกขณะที่ตัวเองอายุ 16 ปี เพลงของลอร์ดเป็นป๊อปซึมลึกลงจิตที่มีอาร์แอนด์บีปน พอ 4 ปีถัดมากับอัลบั้มใหม่ สาวน้อยจากโอ๊กแลนด์ นิวซีแลนด์ เติบโตขึ้น ยังเขียนเนื้อได้แสบเหมือนเดิม เธอแบกรับชื่อเสียงระดับโลกจากอัลบั้มแรกในเพลง Royal อัลบั้มนี้การร้องยังคงจัดเต็ม เสียงของเธอมีพลังสะกดคนอื่นอยู่ และยังเขียนเนื้อเพลงจากชีวิตของตัวเองที่มีการเติบโตขึ้นตามวัย
เพลง Green Light
13. Damage and Joy – The Jesus and Mary Chain
ในยุค 80s มีวงดนตรีหัวก้าวหน้าวงหนึ่งคิดค้นประดิษฐ์แนวเพลงที่เรียกว่าชูเกซ (Shoegaze – ก้มมองรองเท้าฉัน) สาดกีตาร์แรงๆ ย้ำโน้ต วงดนตรีนี้มาจากกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ออกอัลบั้มไป 6 ชุดแล้วก็เลิกราไป ทิ้งทุกอย่างไว้เป็นตำนาน ผ่านไป 19 ปี พวกเขามารวมตัวกันอีกครั้ง ทำเพลงออกมาแนวเดิม หากเทียบกับ My Bloody Valentine ที่กลับมาใหม่เหมือนกับเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมว่า Damage and Joy ฟังง่ายกว่า ติดหูกว่า เพลงของ The Jesus and Mary Chain ยังคงเท่อยู่เสมอ อัลบั้มนี้ได้อิโซเบล แคมป์เบลล์ อดีตนักร้องของวง Belle and Sebastian มาร้องคอรัสด้วย
เพลง Amputation
14. The Days We Had – Day Wave
ซาวด์แบบที่เราคุ้นเคยและหลงรักอินดี้ป๊อปที่มีรากฐานความสวยงามของ Sarah Records และความงดงามของซินธ์ป๊อปในยุค 80s เพลงแบบที่ชวนให้เรานึกถึง The Pains of Being Pure at Heart, The Drums, Sunflower Bean และ DIIV ความงดงามของกีตาร์ที่เล่นโน้ตซ้ำๆ จำชื่อนี้ไว้ แจ็กสัน ฟิลลิปส์ จากโอ๊กแลนด์ แคลิฟอร์เนีย
เพลง Promises
15. How Will You Know If You Never Try – COIN
ผมชอบจังหวะและความสนุกสนานในเพลงของวงนี้ วงดนตรีจากแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี มันชวนให้นึกถึง The 1975, Two Door Cinema Club, Phoenix และ The Vaccines พวกเขาเป็นอินดี้ร็อก กีตาร์เฟี้ยวฟ้าวแสนบรรเจิด อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ 2 แล้ว น่าฟังเหมือนเดิม
เพลง Heart Eyes
16. Last Place – Grandaddy
Grandaddy เป็นวงหลงยุค พวกเขามาจากยุค 90s ตอนปลาย แนวอัลเทอร์เนทีฟเป็นวงที่ควรจะดังมากกว่าที่เป็น เพราะพวกเขาเป็นของแท้ มีซาวด์เป็นของตัวเอง ทั้งร็อก ทั้งโฟล์ก ปนวนอยู่ แบบฟุ้งๆ ลอยๆ ก็มี น่าจะเป็นต้นแบบให้กับวง Tame Impala ด้วยซ้ำ วงดนตรีจากแคลิฟอร์เนียวงนี้ชอบทำเพลงแบบที่เราคาดไม่ถึง คือมีดึงจังหวะเร่งเร็ว หรืออยู่ๆ ก็มีซาวด์แปลกๆ ทำเสียงกีตาร์ปี๊ดๆ แล้วก็หายไป แต่พวกเขามีเมโลดี้ที่โรแมนติกมาก นี่หายหน้าหายตาไปสัก 10 ปีถึงมีอัลบั้มใหม่มาให้เราฟัง พวกเขาก็ยังคงทำเพลงแบบที่เรารักเหมือนเดิม และยังคงไม่ดังอยู่ดี (ฮา)
https://www.youtube.com/watch?v=jRC1gwIdCe4&list=RDQX34Qhmto0Y&index=2
เพลง Way We Won’t
17. This Old Dog – Mac DeMarco
เราควรมีซาวด์แทร็กระหว่างการนั่งตกปลาอยู่บนเรือในแม่น้ำ มีชีวิตสงบเงียบท่ามกลางแมกไม้หมู่พรรณ ผ่อนคลายไปกับฝันกลางวันได้เต็มที่ เพลงที่ไม่ได้มีการใส่เสียงสังเคราะห์มากมาย คีย์บอร์ดมีความลุ่มลึก น้ำเสียงเย็นๆ เตรียมพร้อมกับการโดดลงน้ำ แม็ค เดอมาร์โค กับอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 คือคำตอบนั้น คือเป็นอะไรที่เนียนมาก ถ้าได้ดูมิวสิกวิดีโอหรือการแสดงสดจะเห็นว่าหนุ่มแคนาดาคนนี้ชอบทำอะไรเพี้ยนๆ แบบที่คนดูคาดไม่ถึง
เพลง One Another
18. Heat – Poolside
Poolside เป็นงานเพลงที่ธรรมดาที่สุดใน 20 อัลบั้มที่ผมเลือก เพลงเป็นอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปเย็นๆ ที่เหมือนย้อนเวลากลับไปหา Cafe Del Mar แห่งเกาะอิบิซา ของสเปน มองไปเห็นแต่ชายหาด ทิวปาล์ม และพระอาทิตย์ตกดิน ดนตรีเครื่องสังเคราะห์สวยงาม แต่ผมก็ชอบอัลบั้มนี้มากจนต้องเอามารวมด้วย และตัดอีกหลายอัลบั้มดีๆ อย่างเช่น Future Islands และ Perfume Genius ออกไป ขอให้เชื่อเถอะว่ามันเป็นอัลบั้มธรรมดาที่เพราะมากๆ นี่แผ่นเสียงหรือซีดียังไม่มีวางขายเลยมั้ง
เพลง Which Way To Paradise
19. Slowdive – Slowdive
Slowdive ก็คล้ายๆ The Jesus and Mary Chain พวกเขากลับมาหลังจากห่างหายไปถึง 22 ปี วงดนตรีจากเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ พวกเขาเป็น ชูเกซ แต่มีความเป็นวงเมโลดี้สวยๆ อัลบั้มนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ทุกเพลงงดงาม จุดเด่นอยู่ที่ความกลมกลืนของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น กีตาร์ที่ล่องลอย เสียงร้องและคอรัสมีความหวาน กระซิบกระซาบ เพลงมีท่อนพีก ซึ่งพีกได้เหนือชั้นมาก
เพลง Sugar for the Pill
20. Semper Femina – Laura Marling
หากชอบเพลงแนวโฟล์ก เดินกีตาร์ไปกับเสียงร้อง อัลบั้มที่ 6 ของ ลอร่า มาร์ลิง น่าจะตอบโจทย์ เธอคือเด็กอังกฤษรุ่นใหม่ที่ออกอัลบั้มแรกตั้งแต่อายุ 16 นี่ผ่านมา 10 ปี เพลงเธอนุ่มลึกขึ้น กีตาร์พลิ้ว ฟังแล้วนึกถึง Feist ชุดแรก (ไม่ชอบงานของ Feist ชุดล่าสุด มันโหดไป อยากได้แบบเก่า) และแน่นอน ต้องนึกถึงโจนี่ มิตเชลล์
เพลง Next Time
Apple Music: MixTapes of 2017 Half-Year Albums
- BLOOD. – Kendrick Lamar
- Strange or Be Forgotten – Temple
- I Only Lie When I Love You – Royal Blood
- Sign of the Times – Harry Styles
- Apocalypse – Cigarette After Sex
- A Violent Noise – The xx
- Paint Me Silver – Pond
- Avalon – Foxygen
- Pure Comedy – Father John Misty
- 13 – LANY
- Heavy – Oh Wonder
- Green Light – Lorde
- Amputation – The Jesus and Mary Chain
- Promises – Day Wave
- Heart Eyes – COIN
- That’s What You Get For Gettin’ Outta Bed – Grandaddy
- On The Level – Mac DeMarco
- Which Way To Paradise – Poolside
- Sugar For The Pill – Slowdive
- Nothing, Not Nearly – Laura Marling