สำหรับนักกีฬาที่ผ่านมาแทบทุกอย่างของชีวิตและได้รับการยกย่องว่าคู่ควรแก่การเป็นหนึ่งใน ‘G.O.A.T.’ อย่าง เลอบรอน เจมส์ ในวัย 39 ปี ไม่น่าจะเหลือความฝันหรือความท้าทายใดๆ มากนัก
แต่ลึกๆ แล้วมีหนึ่งความฝันที่นักบาสเกตบอลเจ้าของสมญา ‘King’ หวังไว้คือการได้ลงสนามใน NBA คู่กับลูกชายของเขาสักครั้ง
ความฝันนี้คือสิ่งที่ถูกมองว่าทำให้เลอบรอนยังยืนหยัดและโลดแล่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา
และความฝันนี้กำลังใกล้จะกลายเป็นความจริง เมื่อ บรอนนี เจมส์ ลูกชายคนโตของเขา ได้รับการดราฟต์เข้าสู่ทีมแอลเอ เลเกอร์ส ทีมเดียวกับเขาแล้ว
เพียงแต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลย
เรื่องราวความฝันของเลอบรอนกับบรอนนี เจมส์ ว่ากันว่าเริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างจริงจังในช่วง 3-4 ปีที่แล้วครับ ในช่วงที่ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของ NBA ในยุคปัจจุบันยังมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ขณะที่ลูกชายคนโตของเขากำลังเติบใหญ่และดูเหมือนเข้าใกล้พ่อมากขึ้นทุกที
ในประวัติศาสตร์ของบาสเกตบอล NBA ไม่เคยมี ‘พ่อลูก’ คู่ไหนที่ได้ลงเล่นพร้อมกันมาก่อน
แต่สำหรับเลอบรอน เรื่องสถิติหรือบันทึกประวัติศาสตร์หน้าไหนก็ไม่ทำให้หัวใจของเขาพองโตเท่ากับการได้เล่นกับลูกชายบนสนามเดียวกันในฐานะของนักกีฬาอาชีพที่เท่าเทียมกัน
สำหรับคนเป็นพ่อ ไม่มีอะไรจะน่าภาคภูมิใจไปกว่านี้อีกแล้ว
นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เลอบรอนปักหลักอยู่กับแอลเอ เลเกอร์ส ในสัญญาที่มีจนจบฤดูกาล 2024/25 ที่คาดว่าบรอนนีน่าจะก้าวขึ้นมาจากระดับมหาวิทยาลัยได้พอดี
และบรอนนีก็ทำได้จริงๆ
เด็กหนุ่มวัย 19 ปี – ผู้ก้าวผ่านช่วงเวลาของความเป็นและความตายเมื่อหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะเมื่อช่วงกลางปี 2023 ซึ่งเป็นอาการความผิดปกติของหัวใจที่มีมาแต่กำเนิด – ได้รับการเลือกเป็นอันดับที่ 55 ในการดราฟต์รอบที่ 2 ของ NBA เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
เจมส์ซีเนียร์และจูเนียร์ได้อยู่ในทีมเดียวกันจนได้
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ บรอนนีเองต้องเจอกับแรงกดดันอย่างมหาศาลในฐานะลูกชายของหนึ่งในนักบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์
แรงกดดันนั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นแต่มีมาหลายปี โดยเฉพาะในช่วงที่อยู่ในทีมมหาวิทยาลัยยูเอสซี โทรจันส์
บรอนนีถูกจับจ้องไม่เพียงแต่จากคู่แข่ง แต่รวมถึงกองเชียร์ของทีมฝั่งตรงข้ามที่พร้อมเล่นงานเขาเสมอ
“Da-ddy’s mo-ney!” “Who’s-your-da-dy?” และอีกสารพัด ไม่นับเสียงโห่ที่ตกลงมาเหมือนห่าฝน
เลอบรอนเองก็รู้และเห็น เพราะหากมีเวลาเขาจะไปนั่งเงียบๆ อยู่ที่ไหนสักแห่งในสนามเพื่อเฝ้าดูลูกชาย
สิ่งเหล่านี้คือราคาที่บรอนนีต้องจ่ายในฐานะการเป็นลูกชายของเลอบรอน เจมส์ โดยที่ไม่ได้เต็มใจ
แต่สิ่งที่บรอนนีทำคือการก้มหน้าก้มตาเล่นต่อไป เล่นอย่างถ่อมตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนร่วมทีมและโค้ชยอมรักและยอมรับนับถือของลูกชายราชาแห่ง NBA
“ความฝันของผมคือการที่จะได้ใส่เสื้อที่มีชื่อของผม สร้างชื่อของผมเอง และแน่นอนว่าผมอยากจะเล่นใน NBA”
ด้วยฝีมือของบรอนนีเอง ถึงจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนพ่อ แต่ในบทบาทของผู้เล่นการ์ดที่มีเกมรับใช้ได้ คนยังเชื่อว่าเขาฝีมือถึงในระดับ NBA
แต่จะถึงจริงๆ ไหม คือสิ่งที่ทุกคนจับตามอง เพราะผลงานกับยูเอสซีในฤดูกาลที่ผ่านมาของเขาไม่ดีนัก เฉลี่ย 4.8 แต้มต่อเกม ชู้ตเข้า 36 เปอร์เซ็นต์ และรีบาวด์ 2.8 ครั้ง
ถ้าเป็นเพชรก็ยังต้องรับการเจียระไนอีกเยอะมาก และขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่ใช้เวลา แต่ยังต้องใช้ความอดทนอย่างมหาศาลในการจะฝ่าฟันเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
สำหรับคนเป็นลูก การที่ต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้อาจยากกว่าคนเป็นพ่อด้วยซ้ำไป ซึ่งมีให้เห็นมานักต่อนักว่าลูกชายของสุดยอดนักกีฬาไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสืบทอดทุกสิ่งทุกอย่างจากคนเป็นพ่อ
อย่างไรก็ดี สำหรับเลอบรอน สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดไม่ใช่แค่การกางปีกเพื่อปกป้อง แต่เป็นการพยายามกรุยทางทุกอย่างให้ลูกได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การยังอยู่กับเลเกอร์ส การเล่าเรื่องความฝันของพ่อกับลูก การช่วยติดต่อหาโค้ชฝีมือดีอย่าง จอยซ์ เดอะ เทิร์ด และอาจรวมถึงเรื่องสัญญาตัวของเขาเองกับเลเกอร์ส ที่จะรับเงินน้อยลงเพื่อให้ทีมสามารถดึงตัวผู้เล่นชั้นดีมาเสริมศักยภาพโดยรวม
ให้เลเกอร์สเป็นทีมที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เพื่อเขา แต่เพื่อบรอนนีด้วย
ที่เหลืออยู่กับหัวใจของลูกแล้ว เพราะความฝันของพ่อจะหยุดอยู่แค่การได้เล่นเคียงข้างลูก
แต่ความฝันของลูกไม่ว่าจะอยู่ที่ตรงไหน ลูกต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้ด้วยตัวเอง