ในเวลาเล่นหมากรุกกัน หนึ่งสิ่งที่ผู้เล่นไม่อยากเจอมากที่สุดคือสถานการณ์ที่โดนวางกับดักถูกไล่ต้อนให้ต้องยอมจำนน
เดินทางนี้ก็โดน เดินทางนี้ก็โดนอยู่ดี
นี่คือสิ่งที่ถูกมองว่ากำลังเกิดขึ้นกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่ถูกบีบให้ตัดสินใจในเรื่องของตำแหน่งกองหน้าคนสำคัญที่สุดของทีมอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และนักเตะที่หมายปองอย่าง อูโก เอคิติเก จากไอทรัคต์ แฟรงค์เฟิร์ต โดยที่มีลิเวอร์พูล วางกับดักเอาไว้
ถ้าเลือกตัวหนึ่ง ก็จะไม่ได้อีกตัวหนึ่ง
แต่ในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์มันเป็นแบบนั้นจริงใช่ไหม นิวคาสเซิลมีทางเลือกที่จะไม่เสียอะไรเลยสักอย่างหรือไม่ และลิเวอร์พูลมีสิทธิ์จะไม่ได้อะไรเลยหรือเปล่า?
ต้องบอกว่าเป็นกระแสข่าวที่ค่อนข้างฮือฮาพอสมควรเมื่อมีรายงานจากสื่อใหญ่อย่าง The Athletic ระบุว่าลิเวอร์พูลได้มีการติดต่อไปยังนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเจรจาขอซื้อตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้มาร่วมทีม
โดยที่แชมป์พรีเมียร์ลีกเตรียมงบไว้สำหรับดีลนี้ 120 ล้านปอนด์ (5.2 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขที่จะทำลายสถิติค่าตัวสูงสุดของการย้ายทีมในอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นของมอยเซส ไคเซโด กองกลางฮาร์ดแมนจากเชลซี (ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยังไม่นับเพราะมีเรื่องเงื่อนไขการจ่ายเพิ่มเติมประกอบด้วย) ที่ทำไว้ 115 ล้านปอนด์จากไบรท์ตัน
ข่าวนี้เมื่อผนวกกับข่าวที่นิวคาสเซิล พยายามเจรจาขอซื้ออูโก เอคิติเก กองหน้าดาวรุ่งดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสชุดเล็กของแฟรงค์เฟิร์ตแล้วเป็นทำให้ดูมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
เพราะแม้ว่าข้อเสนอ 80 ล้านยูโร (70 ล้านปอนด์, 3 พันล้านบาท) จะถูกปฏิเสธไปก่อนนั้น แต่มันมีคำถามสำคัญว่านิวคาสเซิลจำเป็นต้องทุ่มมากขนาดนี้เพื่อซื้อเอคิติเก มาเป็นตัวแทนของคัลลัม วิลสัน กองหน้าจอมเก๋าที่หมดสัญญากับทีม ที่มีสถานะเป็นตัวสำรองหรือไม่
เพราะโดยคุณลักษณะและคุณสมบัติแล้วกองหน้าวัย 23 ปีมีความคล้ายคลึงกับอิซัคอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่าง สไตล์ ไปจนถึงประโยชน์ในสนาม
หรือนี่เป็นสัญญาณบอกอ้อมๆว่านิวคาสเซิลกำลังหาตัวตายตัวแทนของอิซัคกันแน่?
ไม่ขาย!
จุดยืนที่ชัดเจนของนิวคาสเซิลในเวลานี้และตลอดมาคือพวกเขาไม่มีความคิดหรือความจำเป็นที่จะต้องขายผู้เล่นอย่างอเล็กซานเดอร์ อิซัค ออกจากทีม
กองหน้าวัย 25 ปีผู้นี้เป็นกำลังสำคัญที่สุดของนิวคาสเซิล ที่ช่วยให้ทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2024/25 ที่ผ่านมา โดยนอกจากจะจบด้วยการทำอันดับได้ไปแชมเปียนส์ ลีกแล้วยังคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยลีกคัพ ซึ่งเป็นแชมป์รายการแรกของสโมสรในรอบ 70 ปีด้วย
โดยสถานะของอิซัคในเวลานี้คือฮีโร่หมายเลขหนึ่งของทีมไม่ต่างอะไรจาก “ฮอตชอต” อลัน เชียเรอร์ ฮีโร่ตลอดกาลของชาวจอร์ดี
นิวคาสเซิล เป็นสโมสรที่มีแบ็คอัพทางการเงินเข้มแข็งที่สุดของโลก พวกเขาจะได้ลงเล่นในแชมเปียนส์ ลีกอีกครั้งในฤดูกาลนี้ และสิ่งที่สโมสรต้องการไม่ใช่แค่การพยายามเติมเต็มขุมกำลังเข้ามา ซึ่งเพิ่งคว้าตัว แอนโธนี เอลังกา ปีกจอมกระชากจากน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ มาด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ (2.4 พันล้านบาท) แต่ยังต้องการเก็บผู้เล่นคนสำคัญของทีมเอาไว้ทั้งหมดด้วย
นั่นคือจุดยืนของสโมสรที่ได้แจ้งต่อลิเวอร์พูล ที่ได้ติดต่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในดีลนี้ว่า “ไม่ เราไม่ขาย”
เพียงแต่มันมีจุดที่น่าคิด
ตรวจพบสัญญาณอ่อนๆ
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเรียกที่ท่านเลข เอ้ย หมายเลขที่ท่านเรียก” คือประโยคที่เราจะได้ยินเสมอหากโทรศัพท์หาใครแล้วไม่มีคนรับสาย ซึ่งหมายถึงปลายทางไม่สะดวกที่จะรับสาย ไม่ว่าง หรืออาจจะไม่อยากคุยด้วย
แต่สำหรับกรณีของอิซัค มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น
จุดที่น่าสังเกตคือ “ท่าที” ของลิเวอร์พูลที่เป็นฝ่ายติดต่อไปยังนิวคาสเซิลอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็น “วิถีปฏิบัติ” แบบเดิมของการเจรจาซื้อขายย้ายทีมแต่ดั้งเดิม มากกว่าจะเป็นการเจรจากับตัวผู้เล่น (และเอเยนต์) ในแบบที่วงการฟุตบอลสมัยใหม่ทำกันจนเป็นเรื่องปกติ
เรื่องนี้นักวิเคราะห์มองว่าลิเวอร์พูลจะไม่ขยับตัวก่อนแบบนี้อย่างแน่นอนหากพวกเขาไม่มี “ความหวัง”
พูดง่ายๆคือถ้าอิซัคไม่มีใจจะย้ายทีม ลิเวอร์พูลจะไม่เป็นฝ่ายเปิดหน้าแบบนี้ และถ้าไม่มีเงินมากพอพวกเขาไม่กล้าขยับตัวแน่นอน แปลว่าเงินนั้นพร้อมด้วย
โดยที่ผ่านมาแม้ว่าลิเวอร์พูลจะเป็นข่าวกับกองหน้าหลายคนแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ทั้งๆที่เป็นที่รู้กันดีว่าตำแหน่งศูนย์หน้าเป็นจุดที่อาร์เนอ สล็อตต้องการที่จะเสริมทัพมากที่สุดเพราะดาร์วิน นูนเยซไม่ตอบโจทย์ และสิ่งที่ไม่คาดฝันคือการด่วนจากไปของดีโอโก โชตา ที่ทำให้ตำแหน่งนี้ยังต้องการการเสริมทัพอยู่
คล้ายกับลิเวอร์พูลรอใครสักคน ซึ่งก็มีกระแสข่าวว่าพวกเขารอให้อิซัคกลับมารายงานตัวพรีซีซันกับนิวคาสเซิลก่อนและรอสัญญาณจากกองหน้าทีมชาติสวีเดน
การที่แชมป์พรีเมียร์ลีกตัดสินใจเปิดหน้าแบบนี้จึงเป็นที่เชื่อกันว่าได้รับ “สัญญาณ” บางอย่างกลับมาว่าอิซัคสนใจที่จะย้ายมาร่วมทีมด้วย เพียงแต่ไม่ต้องการแตกหักกับสโมสรต้นสังกัดและแฟนฟุตบอลที่รักและดูแลกันอย่างดีตลอดมา
ขอให้ลิเวอร์พูลลองติดต่อพูดคุยกับนิวคาสเซิลก่อน ถ้ามันพอเป็นไปได้ก็คุยหาข้อตกลงกันดู
แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็ค่อยกลับมาที่ตัวของนักเตะอีกครั้งว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ระหว่างการอยู่กับทีมต่อไปตามเดิม หรือการเดินหมากตาต่อไปเพื่อที่จะทำให้เกิดการย้ายทีมขึ้น
ดักกินรวบ 2 ทาง?
อย่างไรก็ดีดูเหมือนลิเวอร์พูลจะวางหมากเอาไว้แยบยลและเจ้าเล่ห์พอสมควรในกรณีนี้ เพราะทันทีที่มีกระแสข่าวว่านิวคาสเซิลไม่มีความคิดที่จะขายอิซัค ก็มีข่าวออกตามมาทันทีว่าพวกเขาพร้อมจะทุ่มเงินตัดหน้าซื้อเอคิติเกแทน
พูดง่ายๆ คือ ไม่อิซัคก็เอคิติเก คนใดคนหนึ่งจะต้องถูกซื้อมาอยู่กับลิเวอร์พูล
หมากตานี้ถือว่าแสบสำหรับนิวคาสเซิล เพราะเหมือนถูกบีบให้ตัดสินใจระหว่างการยอมเสียกองหน้าตัวเก่งไปแล้วไปซื้อกองหน้าดาวรุ่งคนใหม่มาทดแทน กับการเลือกเก็บเบอร์หนึ่งของทีมไว้แล้วไปหากองหน้าตัวใหม่มาเสริมทัพแทน
ลิเวอร์พูลเองก็เคยทำแบบเดียวกันในการปล่อยฟิลิปเป คูตินโญ ให้กับบาร์เซโลนา และนำเงินก้อนใหญ่ที่ได้แปรธาตุเป็น เวอร์จีล ฟาน ไดค์ กับอลีซง เบ็คเกอร์ ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนในการพาทีมครองความยิ่งใหญ่ตลอดช่วงเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา
นิวคาสเซิลเองหากจำเป็นต้องขายอิซัค ก็อาจจะนำเงินก้อนนี้ไปแปรธาตุเพื่อเสริมทีมได้ด้วยเช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้วโลกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ไม่มีอะไรการันตีว่าการย้ายทีมไม่ว่าจะของอิซัค หรือของเอคิติเกจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะทั้งนิวคาสเซิลหรือแฟรงค์เฟิร์ตเองก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมรับข้อเสนอของใครง่ายๆ
นิวคาสเซิลเข้มแข็งพอที่จะยืนกรานแบบหัวเด็ดตีนขาดไม่เปิดทางให้อิซัคย้ายทีมได้ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของนักเตะ และยังพร้อมยิ่งกว่าพร้อมที่จะทุ่มเงินเพื่อซื้อเอคิติเกมาร่วมทีมตามแผนเดิมของตัวเองด้วยก็ยังไหว
เพราะเรื่องแบบนี้ก็เป็น Statement หรือการประกาศจุดยืนของสโมสด้วยเช่นกันว่าพวกเขามีเป้าหมายแค่ไหน มองไปไกลแค่ไหนในอนาคต
ส่วนลิเวอร์พูล ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะกินแห้ว 2 ถุงรวดเหมือนกันทั้งในรายของอิซัค และเอคิติเก ต่อให้ท่าทีจะดูมั่นใจมากแค่ไหนก็ตาม
ตอนจบ? นี่แค่เพิ่งเริ่ม
จากที่บอกมาทั้งหมดแล้ว เรื่องของอิซัคและเอคิติเกนั้น แม้กระแสข่าวจะเชื่อว่าทุกอย่างจะรู้ผลอย่างรวดเร็ว (ฝั่งเยอรมันบอกว่านิวคาสเซิลอยากปิดดีลกับเอคิติเกให้จบภายในวันนี้และพร้อมตรวจร่างกายนักเตะเพื่อเซ็นสัญญาทันที) แต่ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าทุกอย่างจะปรู๊ดปร๊าดขนาดนั้น
มันอาจจะรวดเร็ว หรืออาจจะยืดเยื้อ เป็นไปได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการเจรจาจริงๆ
เพียงแต่อย่างน้อยจากทิศทางที่ออกมา อย่างน้อยสองสโมสรก็ทำการเจรจากันอย่างถูกต้องตามครรลอง ไม่มีลับลมคมใน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการสโมสรลิเวอร์พูลก็รู้จักกันดีกับเอ็ดดี ฮาว ผู้จัดการนิวคาสเซิล
สองสโมสรก็ไม่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันที่ไหน ในเกมนัดชิงลีกคัพที่เวมบลีย์ ช่วงที่นิวคาสเซิลได้ชูถ้วยแชมป์แฟนเดอะ ค็อปเองก็ยืนปรบมือให้เกียรติด้วยความชื่นชม
ดังนั้นนี่เป็นการเจรจากันบนพื้นฐานของการให้เกียรติกัน และว่ากันด้วยธุรกิจรวมถึง Career path ของผู้เล่น
หวังว่าตอนจบมันจะออกมาดีต่อใจสำหรับทุกคน
แต่ถ้ามันจะมีเซอร์ไพรซ์ ก็อยากเห็นนิวคาสเซิลไปลองติดต่อสปอร์ติง ลิสบอน เพื่อขอซื้อวิคเตอร์ ยอเคอเรสมาร่วมทีม เพราะดูไปดูมา นี่แหละทายาทของ “ฮอตชอต” เชียร์เรอร์ของจริง!
ความอีรุงตุงนังของหงส์แดง
แถมให้อีกนิดสำหรับแฟนลิเวอร์พูล ที่ภายหลังจากไว้อาลัยให้โชตามาร่วม 2 สัปดาห์ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง (แม้ใจจะยังหวิวก็ตาม)
ข่าวการโยกย้ายในแอนฟิลด์เองก็ไม่ธรรมดา มีความ “อีรุงตุงนัง” อยู่ไม่เบา โดยเฉพาะกลุ่ม “ขาออก”
หลุยส์ ดิอาซ เป็นผู้เล่นที่มีข่าวพัวพันการย้ายทีมมากที่สุด ซึ่งมีรายงานว่าปีกชาวโคลอมเบียได้ยืนยันกับต้นสังกัดแล้วว่าต้องการจะย้ายออกจากทีมจริงๆ เพียงแต่จุดยืนของลิเวอร์พูลไม่ต้องการปล่อยตัวออกไปในฤดูกาลนี้
ที่ไม่ต้องการปล่อยตัวไปนั้นเป็นเพราะดิอาซ เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในแนวรุกของทีม ในฤดูกาลที่แล้วทำไปถึง 17 ประตู และเป็นผู้เล่นที่ได้รับความไว้วางใจจากสล็อตเสมอไม่ว่าจะบทปีกซ้าย หรือการขยับเข้ามาช่วยยืนเป็น False 9 ก็ตาม
ลิเวอร์พูลเพิ่งสูญเสียโชตาไปอย่างไม่คาดคิด ขณะที่ยังมีนักเตะในกลุ่มเปราะบางอย่าง ดาร์วิน นูนเยซ และเฟเดริโก คิเอซา ที่อนาคตยังไม่แน่นอนด้วย (แม้ว่าคนหลังอาจจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในบทศูนย์หน้าตัวกลาง)
ในเชิงของการจัดการทีม การปล่อยนักเตะตัวรุกออกไปพร้อมๆกันถึง 3 คนเป็นเรื่องที่ส่งผลมากเกินไปต่อทีม แม้ว่าจะได้ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุกมาแล้วก็ตาม
โดยเฉพาะดิอาซ ที่มีประสบการณ์เป็นที่พึ่งของทีมได้ การที่ลิเวอร์พูลจะยอมปล่อยไปง่ายๆอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อทีมโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ดีลิเวอร์พูล – ซึ่งยังเหลือโคดี คักโป, โม ซาลาห์ และเวียร์ตซ์ – ดูเหมือนจะมีแผนการทดแทนดิอาซไว้อยู่แล้วด้วยกองหน้าระดับสตาร์อย่าง โรดริโก ที่มีข่าวพัวพันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากปล่อยดิอาซออกจากทีมก็เป็นไปได้ที่จะลองติดต่อดึงดาวเตะเรอัล มาดริดมาทดแทน
โรดริโก ในวัย 24 ปีอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะในโอกาสทีมเรอัล มาดริด ในเวลานี้ไม่ได้เปิดกว้างมากนัก และที่ผ่านมานับตั้งแต่ย้ายมาจากซานโตสในปี 2019 ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดเป็นดาวเด่นของทีมได้อย่างที่หวัง
ด้วยคุณสมบัติเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก (ถนัดทางซ้ายเป็นพิเศษ) ทำให้มีหลายทีมที่สนใจจะคว้าตัวมาร่วมทีม ซึ่งเรอัล มาดริด พร้อมเปิดกว้างในการเจรจาโดยนอกจากลิเวอร์พูล ก็มีอาร์เซนอล คู่แข่งสายตรงที่สนใจอยากได้ตัวด้วยเหมือนกัน
แต่เรื่องของดิอาซ หรือโรดริโก เอาไว้ทีหลังได้
เพราะแค่นี้ริชาร์ด ฮิวจ์ส ก็แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้ว!
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/c4g80nryyyro
- https://www.theguardian.com/football/2025/jul/15/liverpool-luis-diaz-reject-bayern-munich-bid-not-for-sale
- https://www.theguardian.com/football/who-scored-blog/2025/jun/20/hugo-ekitike-hot-property-summer-transfer-window-eintracht-frankfurt-striker