×

บ้านแห่งอนาคต หน้าตาเป็นอย่างไร?

07.07.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • หากอยากจินตนาการถึงบ้านแห่งอนาคต แค่ลองหลับตาแล้วนึกถึงฉากในภาพยนตร์ไซไฟก็พอแล้ว
  • ตั้งคำถามว่ายุคนี้เวลาจะซื้อของเข้าบ้านสักชิ้น คิดมากกันขนาดไหน ระหว่างไม่คิดมาก คิดว่าคุ้มไหม และคิดแล้วคิดอีก
  • อาร์ม พิพัฒน์ ลองหยิบของที่คิดว่าชาวโลกล้ำแห่งอนาคตน่าจะต้องมีมาฝาก

     ในอนาคตคุณอาจจะสามารถเปิดปิดระบบต่างๆในบ้าน หรือสั่งปิดเสียงคนรักขี้บ่นได้ด้วยมือถือ! ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ นะครับ เพราะปัจจุบันนี้อะไรๆ ก็เชื่อมกับอินเทอร์เน็ตแบบที่เขาเรียกว่า ‘Internet of Things’ จริงไหมล่ะ?

     อย่าคิดมากสิครับ ผมล้อเล่น… จริงๆ จะถามว่า ในยุคนี้เวลาคุณจะซื้อของเข้าบ้านสักชิ้น คิดมากกันขนาดไหน ลองเลือกกันดูครับ สมมติว่าจะซื้อทีวีสักเครื่องมาดูรายการทีวีและถือเป็นการแต่งบ้านไปในตัว

     ข้อ 1 ไม่คิดมาก ซื้อเลย เพราะที่บ้านมีสตางค์ (ตามสบายครับ ไม่ว่ากัน)

     ข้อ 2 คิดก่อนว่าคุ้มไหม เพราะของบางอย่าง ยิ่งถ้ามันใหม่ล่าสุดจะแพงขึ้นอีกนิด แต่ไม่ซื้อก็จะทำให้เกิดอาการโหย และสุดท้ายก็ต้องซื้ออยู่ดี

     ข้อ 3 คิดมาก เพราะว่านอกจากต้องคำนึงว่าของต้องไฮเทคแล้ว ยังต้องนั่งคิดด้วยว่า ถ้าซื้อมาตอนที่พ่อแม่หรืออากงอาม่าที่บ้านจะใช้งาน เค้าจะเปิดใช้เป็นหรือเปล่า

 

     ใครเลือกข้อ 1 แสดงว่าคุณรวยมาก ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้นะครับ (ฮา) แนะนำว่า ตอนจ้างสถาปนิกบอกเขาไปเลยว่า เอาตัวท็อป และติดตั้งทั้งหมดแบบ all in one (แต่โปรดทำใจว่า 5 ปีผ่านไป คุณต้องวางระบบใหม่แน่นอน เพราะมันจะตกยุคทันที ไม่ต่างกับลำโพงเครื่องเสียงที่เดินสายไว้รอบห้องนั่งเล่น ที่ตอนนี้ไม่ได้ใช้เลย)

     ใครเลือกข้อ 2  ก็ซื้อเถอะครับ ผมมั่นใจว่า คุณคิดมาดีแล้วและคุณจะซื้อแค่บางชิ้น ไม่ถึงกับซื้อทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นข้อดีนะครับ เพราะถ้าให้แนะนำ การเลือกซื้อสินค้าโดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยี มันมาเร็วและไปเร็วมากๆ ถ้าให้แนะนำ ให้ซื้อทุกอย่างที่เป็นรุ่นที่ 2 เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่น 7 ตอนจะซื้อแนะนำว่าซื้อ รุ่น 7s เป็นต้น (แต่ส่วนใหญ่คนเลือกข้อนี้จะยังใช้รุ่น 6s อยู่ หรือข้ามไปใช้แอนดรอยด์บางยี่ห้อแทน ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ)

     ใครเลือกข้อ 3 ผมว่า ‘ถูกแล้วครับ’ ที่คิดแบบนี้ เพราะในความเป็นจริงนั้น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในบ้าน มักมาเร็วและไปเร็วมาก บางชิ้นซื้อมายังไม่ทันได้ใช้ก็ ‘ตกรุ่น’ เสียแล้ว ในบ้านของคนที่เลือกข้อ 3 มักเป็นบ้านที่ไม่ค่อยมีเทคโนโลยี จะหาทีวีแบบอินเทอร์เน็ตทีวีสักเครื่อง ท่าจะยังยากเลยครับ

 

บ้านแห่งอนาคต และหุ่นยนต์นามว่า ‘โรซี่’ ในจินตนาการของการ์ตูนฮันน่า-บาบาร่า

ที่ออกมาเป็นเรื่อง The Jetsons จากยุค 60’s – 80’s (Photo: Warner Bros.)

 

แล้วบ้านอนาคตน่าจะเป็นอย่างไร

ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ทั้งหมดอยู่ในภาพยนตร์หมดแล้ว แต่เนื่องจากหัวข้อเรื่องในตอนนี้คือ ‘บ้านอนาคต’ งั้นผมขอลองหยิบของที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับคนบ้านๆ แบบเราที่ควรจะต้องมี สิ่งที่จะทำให้บ้านของเราพร้อมรับมือกับอนาคตกัน แบ่งอุปกรณ์ทั้งหลายออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ครับ

 

     1. Smart Light Bulb

     หลอดไฟอัตโนมัติ หรือหลอดไฟเซนเซอร์แสงอาทิตย์ LED ติดไว้ตามรั้วหรือว่าไฟผนังนอกบ้าน แต่อย่าติดไว้ใต้ฝ้าเพดาน ฝ้าหลังคานะครับ รับรองว่ามันไม่ปิดเองแน่ๆ

 

     2. Smart Camera

     สัญญาณกันขโมยและกล้องวงจรปิดรอบบ้าน และภายในบ้าน ถ้าจะให้ดีเลือกแบบที่โทรแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้านด้วยนะครับ หรือ ถ้าไม่อยากลงทุนมาก ก็มีแบบกล้องเดี่ยวๆ ที่เชื่อมสัญญาณกับไวไฟ ราคาตัวละไม่เกินพันสอง แนะนำว่าควรตั้งไว้ตรงแถวทีวีหรือห้องที่คนอื่นๆในบ้านใช้เวลามากที่สุด เพราะว่าเราสามารถคุยกับคนในบ้านได้ผ่านกล้องตัวนี้ (เพราะบางทีการโทรหาคนในบ้านนั้น ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะลืมว่าวางมือถือไว้ไหนหลังจากส่ง ‘สวัสดีวันจันทร์’ เสร็จแล้ว)

 

     3. Smart Entertainment

     นอกจากสมาร์ตทีวีที่มาพร้อมกล้องกับฮาร์ดดิสก์แบบจัดเต็ม พวก Apple TV or Google Chromecast น่าสนทั้งคู่นะครับ โดยเฉพาะคนที่ยังไม่มีสมาร์ตทีวี เอาไว้ดูหนัง ดูยูทูบ สอนคนในบ้านใช้ค่อนข้างง่าย ถ้าจะให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกนิด ก็ต้องหาลำโพงที่ชื่อว่า Alexa ของ amazon มาใช้คู่กันนะครับ เพราะคุณสามารถสั่งอเล็กซ่าเปิดคลิปต่างๆ หรือว่ารายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ในอินเทอร์เน็ตผ่านเจ้า Chromecast ได้ทันที พร้อมกับถ้าหากว่า หลอดไฟ LED ในบ้านมีระบบไวไฟเชื่อมไว้เป็นห้องๆ เราก็สามารถสั่งงานผ่านเสียงได้ทันที ‘turn off the light in the kitchen’

     อ้อ ผมลืมบอกไปว่า ต้องสั่งงานภาษาอังกฤษ และต้องมีแอปพลิเคชันที่มี ล็อกอินแอ็กเคานต์ของอเมริกานะครับ เพราะในไทยยังไม่มีบริการ ส่วนใครที่จะซื้อ Chromecast มาไว้เพราะกะว่าจะดูหนังออนไลน์ของผู้ให้บริการบางราย ผมก็แนะนำว่า เช็กเรื่องสมรรถนะของระบบออนไลน์เค้าให้มั่นใจก่อนนะครับ ไม่งั้นเจ้าโคมแคสเทอะ (ออกเสียงแบบ UK) ก็จะมีค่าแค่ที่ทับกระดาษครับ

 

     4. Smart Thermostat

     การวัดค่าอุณหภูมิไปจนถึงการวัดความชื้นทั้งในอากาศและในสวน แต่ส่วนตัวผมเอง การติดตั้งระบบรดนำ้ต้นไม้อัตโนมัติไม่แนะนำนะครับ เพราะบ้านเราฝนตกบ่อย จริงๆ หาเวลารดน้ำเองจะดีกับสุขภาพของคุณมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้ออกมาสูดอากาศดีๆ กันบ้าง

 

บ้านพร้อมสระว่ายน้ำจากภาพยนตร์เรื่อง Oblivion (2013)

ที่จำลองฉากในอนาคตปี 2077 (Photo: Universal Pictures)

 

     5. Smart Switch

     พวกระบบสวิตช์เปิดปิดอัตโนมัติ ในที่นี้ผมรวมพวกกุญแจและกลอนที่ล็อกต่างๆ ไว้ด้วยนะครับ จะได้จำได้ว่า ใช้ปิดเปิด แบบ Wireless คือไร้สายทั้งหมด คือ เพื่อนมาบ้าน เราสามารถเปิดบ้านให้ได้จากบนทางด่วน เพื่อให้เพื่อนได้เดินเข้าไปรอในบ้าน พร้อมสั่งเปิดแอร์ และไฟฟ้าแสงสว่างไว้รอได้เลย

 

     6. Smart Smoke / Carbon Monoxide Detector

     อุปกรณ์ตรวจจับเรื่องควัน รวมไปถึงอุปกรณ์ที่จะช่วยในการแสดงตำแหน่งของคนในบ้าน ว่าอยู่ตรงไหน และประเมินได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กรณีผู้สูงอายุล้มหรือเกิดควันไฟในบ้าน

 

     7. Smart Home Hub

     หรือเรียกอีกอย่างว่า สมองกลของทั้ง 6 ข้อที่ผ่านมาก็ว่าได้ การมีเซนเซอร์ระบบต่างๆ อย่างเดียวไม่พอหรอกครับ ต้องมีสมองกล หรือ ระบบที่จะคอยประเมินผลต่างๆ แทนตัวคนเราในอนาคต ที่พร้อมจะแจ้งการใช้งานเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้อาศัย ไม่ใช่แค่ความง่ายในการเปิดคลิปยูทูบ ซึ่งนับวันเราจะเปิดดูจากมือถือหรือแท็บเล็ตมากกว่าทีวีซะอีกนะคับ

 

     ส่วนของฟุ่มเฟือยอื่นๆ เช่น หลอดไฟเปลี่ยนสีที่เปิดเพลงได้ ก็คงไม่ต่างกับฝักบัวบลูทูธ อุปกรณ์ดักจับความชื้นในดินริมกระถางต้นไม้ ที่จะเตือนให้เรารดนำ้ หรือว่าตาชั่งและกระทะที่แสดงสูตรอาหารได้ทันที ฯลฯ ของพวกนี้ถ้าเงินเหลือจะซื้อมาเล่นก็คงไม่ว่ากัน เพียงแค่ ‘มันก็จะออกเปลืองๆ หน่อยๆ ก็เท่านั้นครับ’

 

Cover Photo: Warner Bros.

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X