ในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 มิถุนายน) ตามเวลาของสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ได้มีโอกาสประชันวิสัยทัศน์กันซึ่งๆ หน้าเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทั้งสองได้เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเพื่อลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี โดยดีเบตครั้งนี้จัดขึ้นที่มหานครแอตแลนตาในมลรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นที่ทำการของสำนักงานใหญ่ CNN ที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน
บทความนี้จะมองความเป็นไปได้ถึงผลที่อาจตามมาหลังศึกดีเบตยกแรก ที่นักวิเคราะห์ทางการเมืองเห็นตรงกันว่าเป็นผลงานที่ย่ำแย่มากๆ ของไบเดน
ดีเบต เป็นโอกาสที่ ไบเดน จะเคลียร์ข้อกังขาของชาวอเมริกัน
ไบเดนมีคะแนนนิยมที่ตกต่ำเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ปีที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาเงินเฟ้อ ที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องประสบกับปัญหาข้าวยากหมากแพงมาตั้งแต่ยุคหลังโควิด แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่าไบเดนนั้นอายุมากและมีพฤติกรรมหลายๆ อย่างที่ชวนให้กังขาว่าเขามีอาการของโรคสมองเสื่อมหรือไม่ และเขาอาจไม่พร้อมที่จะเป็นผู้นำประเทศอีกสมัย
ซึ่งความกังวลนี้ก็ฉายภาพออกมาในโพลที่ชี้ว่าคะแนนของไบเดนนั้นตามหลังคู่แข่งอย่างทรัมป์อยู่ที่ประมาณ 1-2% ทั้งๆ ที่ทรัมป์เองก็มีคะแนนนิยมที่ตกต่ำเมื่อครั้งที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและยังต้องโทษคดีอาญาในกรณีปลอมแปลงเอกสารในการใช้เงินปิดปากนักแสดงหนังผู้ใหญ่ที่เขาไปมีความสัมพันธ์นอกสมรสด้วย
แต่ ไบเดน ก็ทำไม่ได้
ดีเบตครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ไบเดนจะโชว์ให้ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนที่เฝ้าดูอยู่มั่นใจได้ว่าเขายังไม่แก่เกินไป และพิสูจน์ว่าสมองของเขายังเฉียบแหลมดีเหมือนเดิม และพร้อมที่จะรับภาระหนักในการเป็นผู้นำของประเทศโลกเสรี
แต่เขาก็ทำไม่ได้ ไบเดนออกมาดีเบตด้วยน้ำเสียงที่เบาและแหบแห้ง เหมือนเขาไม่มีพลังงานเหลือพอที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ขณะที่ภาษากายของไบเดนก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน เมื่อเขาก้มมองโน้ตตลอดเวลาเหมือนกับว่าไม่พร้อมจะสบตากับประชาชน
กระบวนการพูดของเขาก็ดูวกวน หยุดระหว่างประโยคหลายครั้ง และบ่อยครั้งไบเดนก็เปลี่ยนเรื่องกลางคัน เหมือนกับว่ากระบวนการคิดของเขารวนไปเสียแล้ว ซึ่งทำให้ข้อสงสัยที่ว่าไบเดนมีภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ยิ่งทวีความรุนแรง
ต่างจากทรัมป์โดยสิ้นเชิง
ในทางตรงข้าม ทรัมป์ยังคงฉายภาพของการเป็น Alpha Male ที่พร้อมจะเป็นผู้นำของประเทศเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน น้ำเสียงและภาษากายของเขายังเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ต่างจากไบเดนโดยสิ้นเชิง (ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าไบเดนแค่ 3 ปีก็ตาม)
อย่างไรก็ดี เนื้อหาสิ่งที่ทรัมป์พูดนั้นอาจเกินเส้นความเป็นอัลฟาไปมาก เมื่อเขาปฏิเสธความรับผิดชอบในเหตุจลาจลรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และคดีปลอมแปลงเอกสาร โดยเขากล่าวว่าคดีเหล่านี้เป็นการกลั่นแกล้งโดยกระทรวงยุติธรรมของไบเดน และกล่าวว่าเขาจะล้างแค้นโดยให้กระทรวงยุติธรรมของเขาฟ้องไบเดนถ้าหากได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบสอง ซึ่งสิ่งที่เขาพูดนี้น่าจะทำให้เขาเสียคะแนนจากคนที่อยู่ตรงกลางที่ไม่เห็นด้วยกับการเอากระบวนการยุติธรรมมาผูกติดกับการเมือง
ผลกระทบต่อการเลือกตั้งในปี 2024
เราคงยังไม่ทราบแน่ชัดในตอนนี้ ว่าผลของดีเบตจะส่งผลเสียต่อไบเดนมากน้อยขนาดไหน แต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนมองว่าคะแนนนิยมของเขาอาจจะตกลงไปอีก นอกจากนั้นนักการเมืองของเดโมแครตหลายคนก็เริ่มออกมาพูดแล้วว่า เราอาจจะต้องหาผู้แทนพรรคคนใหม่มาแทนไบเดน ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะพรรคยังไม่ได้ประชุมใหญ่และเลือกไบเดนอย่างเป็นทางการ
เกาะติด การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ได้ที่ เว็บไซต์พิเศษ : เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 และ Facebook : THE STANDARD
ภาพ: Brian Snyder / REUTERS